วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2555

การเผาไร่

ปลายเดือนที่แล้วเดินทางไปเก็บข้อมูลเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ต้องแปลกใจมากที่ในศูนย์ฯของหน่วยงานจุดไฟเผาแปลงมันสำปะหลัง ควันไฟพุ่งดำน่ากลัวมาก คล้ายกับการเผายาง เดินสำรวจดูปรากกว่ามีคนงานดูอยู่ ไตร่ถามก็ได้ความว่า จุดไฟเพื่อจะได้เก็บเกี่ยวง่ายเพราะหญ้ารก ...


ต้นมันสำปะหลังทั้งที่สามารถใช้เป็นท่อนพันธุ์ได้ก็ถูกไฟลวก แปลงข้างเคียงก็โดนเปลวไฟเผา

มีคำถามมากมายที่คนของราชการควรตอบให้ได้และยื่งเป็นหน่วยงานที่น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีทางการเกษตร กลับมาเผาไร่เสียเองน่าจะไม่ถูกต้อง และหากถามว่ามีวิธีการแก้ปัญหานั้น ๆ ไหม คำตอบก็น่าจะมีมากมายแต่เหตุใดจึงเลือก และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบกลับอนุญาตให้คนงานทำเช่นนั้นอีก มันสำปะหลัง หรือซากพืชใด ๆ ก็ตามเป็นที่สะสมอาหารมีธาตุอาหารพืชอยู่จำนวนมาก แต่ละฤดูปลูกเราจะเก็บเกี่ยวผลผลิตออกไปจากแปลงหากไม่เติมอะไรไปในดินบ้างก็จะทำให้ปลุกพืชรุ่นหลัง ๆ ผลผลิตลดลง แต่เกษตรกรบางท้องที่รู้จักที่จะบำรุงดิน นำปู๋ยคอกมาใส่นำขี้เถาจากโรงงานมาใส่ และไถกลบเศาซากมันสำปะหลังลงดินตากไว้ พอฝนลงก็ไถเตรียมปลูกได้แล้ว นอกจากจะสามารถรักษาระดับผลผลิตแล้วยังประหยัดเงินต่าปุ๋ยเคมีลงได้ จนบางรายไม่ต้องให้ปุ๋ยเคมีเลย

กลับมาก็ถามเพื่อน ๆ ที่อยู่ศูนย์เกี่ยวกับเรื่องการเผาไร่ ก็มีความเห็นว่าไม่ควรเผา ตัวอย่างหน่วยงานเขาจะเก็บเกี่ยวอ้อย คนรับจ้างตัดรายหนึ่งจะเผาก่อน - ก็ไม่เอา และก็สามารถหารายอื่นที่ไม่ต้องเผาไร่ก่อนเก็บเกี่ยวได้ ...ไม่เช่นนั้นจะเป็นตัวอย่างให้เกษตรกรได้อย่างไร จะแนะนำเกษตรกรได้อย่างไรหากหน่วยงานของรัฐเผาเสียเอง

ข้าว-อ้อย-การเผาปัจจุบันกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้วหรือ เราต้องการหาคนเก่งมาช่วยหน่อย จะมีเครื่องมือช่วยย่อยก่อนไถกลบ หรือเครื่องก็บเกี่ยวคุณภาพดีราคาประหยัด หรือส่งเสริมให้คนมารับจ้างตัดด้วยการไม่เผา และต้องมีรางวัลเช่นการไรคาที่ดีกว่าผลผลิตที่ผ่านการเผา เป็นต้น ระบบตลาดน่าจะช่วยได้มากหากโรงงานร่วมด้วยในการกำหนดราคาและให้ราคมที่เป็นความแตกต่างในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม

กลับบ้านพอดีวันหนึ่งเจอชาวบ้านชอบเผาขยะวันนั้นก็เผาอีก แต่คราวนี้รามจนควบคุมไม่ได้ ต้องพึ่งบริการรถดับเพลิง ชาวบ้านคนอื่นเขาก็เดือนร้อน ขยะตามบ้านเรือนก็มีรถเก็บขยะให้ หากมีที่มากพอก็ควรทำเป็นปุ๋ยหมักก็จะดี จึงอยากขอให้งดการเผาทุกชนิดทั้งในไร่นา และบ้านเรือน

วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2555

ร้อนเดือนมีนาคม

ร้อนมากยังกับเมษา ไม่ได้กลับบ้านหลายอาทิตย์ต้นไม่ตายอีกแล้ว ปีนี้ดาหลาตายหมด ทุกปีก็สามารถฝ่าช่วงฤดูร้อนได้ ปีนี้ยังไม่ทันเข้าฤดูร้อนก็ไปเสียแล้ว มะม่วงปีนี้ติดผลดี ดก ทั้งที่บ้านและจากที่สังเกตุดูเวลาเดินทาง ปีนี้น่าจะได้กินมะม่วงดี อร่อย
นกพิราบปีสองปีนี้มารบกวนที่บ้านจังเลยถ่ายมูลสกปรกมาก ขนาดนำตระแกรงปิดระหว่างหลังคากับกันสาด อุด แล้วก็ยังไม่รอดพ้น เขายังมาอาศัยอยู่ นกพิราบทำให้ผลผลิตเสียหายมากโดยเฉพาะโดยเฉพาะลานตากข้าว ถ้าเป็นแล้วว่าเขารุมกินอย่างไง น่าเสียดาย แยกไฟแดงนครสวรรค์ จะมีฝูงนกคอยจ้องรถบรรุทุกข้าว ถ้ารถคันไหนแวะเวียนมาก็จะถูกลุมกินเห็นด้วยตาแล้วจะตกใจ น้ำหนักข้าวคงหากไปหลายกิโล แถมเขายังเป็นที่น่ารังเกียจนำโรคมาสู่คนได้อีก

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

มหกรรรมพืชสวนเฉลิมพระเกียรติ์ 2011

อีกครั้งที่เชียงใหม่ได้โอกาสจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก บนพื้นที่เดิมจากการจัดครั้งก่อน แต่มีบางส่วนเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ต้นไม้ที่ปลูกลงดินครั้งนี้จะสวยกว่าครั้งก่อนเพราะมีเวลาปรับตัวและเจริญเติบโตในบ้านใหม่ที่ใหม่ โครงสร้างเดิมถูกนำมาใช้เกือบทั้งหมด มีประเทศใหม่ๆ องค์กรในประเทศใหม่ ๆ เข้ามาร่วมจัดงาน สำหรับคนทำยางที่ประทับใจก็น่าจะเป็นสวนยางซึ่งจัดได้กว้างใหญ่ ครอบคลุมเนื้อหาตั้งแต่การปลูก การกรีด และการทำเป็นผลิตภัณฑ์ เหมาะสำหรับคนที่กำลังคิดจะทำยาง ปลูกยางอยู่ และยังอยากหาความรู้เพิ่มเติม พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมหรือได้ฝึกของจริงด้วย หน่วยงานยางโดยเฉพาะของสถาบันวิจัยยางมากันเต็มที่มาพูดคุยกับคนยางจริง ๆ ได้เลย สามารถมาหลบแดดในส่วนแสดงของยางได้ เด็กๆก็ชอบที่จะไปทำงานฝีมือ

เด็กๆ กำลังหัดทำงานฝีมือจากใบยางพารา




เลยหาเวลาไปดูสวนยางที่เวียงแหงเป็นยางเริ่มเปิดกรีดแล้ว เจ้าของสวนทำระบบให้น้ำไว้ด้วย สวนนี้ยางยังไม่ได้ขนาดตามมาตราฐานของสถาบันวิจัยยางที่จะเปิดกรีดได้ต้องมีเส้นรอบวงเกิน 50 ซม.ที่ระดับความสูงจากพื้นดิน 150 เมตร และเป็นที่สังเกตว่าต้นยางในแปลงจะโน้มลง อาจจะด้วยเหตุผลที่มีลมแรงหรือเหตุอื่นใดก็ตาม ยางพาราดูจะเป็นความหวังไหม่ของเกษตรกรทางภาคเหนือไปแล้ว ข้อเสียของการกรีดยางไม่ได้ขนาด คือ มีดกรีดจะกินเปลือก เนื่องจากยางเล็กเปลือกบาง โอกาสที่จะกรีดลึกถึงเนื้อไม้จึงมีมาก ทำให้เปลือกที่ผ่านการกรีดแล้วเจริญเติบโตมาทดแทนมีผิวเปลือกไม่เรียบหรือหายไปเป็นช่วง ๆ กรีดยาก และสิ้นเปลืองเปลือกเร็ว

มีบูทหนึ่งที่น่าสนใจและคณะผู้แสดงตั้งใจมาก คือ ของทรัพยากรน้ำบาดาล เจ้าหน้าที่ยินดีให้คำอธิบายทุกขั้นตอนที่แสดงเกี่ยวกับการพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นมาใช้งาน ถ้ามีเวลาลองเยี่ยมเยียนกัน













วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ยางพาราภาคเหนืออีกที

ช่วงน้ำท่วมกรุงเทพ ทำให้คนกรุงเทพต้องปรับเปลี่ยนวิถ๊ชีวิตประจำวันใหม่ ปกติมักชอบนั่งทำงานที่ทำงานมีนจนมืดจนค่ำ ต้องหันกลับมาสายบ้าง กลับเร็วขึ้น ต้องหันมานั่งรถเมล์ เพราะรถยนต์ที่เคยขับเอามาใช้ไม่ได้ เกษตรบางเขนวันนี้น้ำแห้งแล้ว มาทำงานได้ปกติ แต่การเดินทางมายังไม่สะดวก รถเมล์ยังวิ่งไม่ได้ทุกสาย หรือไปได้ทางจำกัด สัปดาห์นี้ก็ต้องช่วยตัวเองมากขึ้น เพราะไม่มีรถบริการจากจุดต่าง ๆ เข้ามาแล้ว ยังคงมีบ้างจากประตูกรมส่งเสริมและ ประตู 1 เข้ามาในหน่วยงาน เมื่อวานไปดูรถจักรยานที่จอดไว้ประตูวิภาวดีที่แห้งแล้ว แต่รถจักรยานเต็มไปด้วยคราบมีรอยท่วมมิดรถ ต้องรอทำความสะอาด เป็นปีแรกที่กรมวิชาการเกษตรน้ำท่วม
น้ำท่วมปีนี้ก็เป็นโอกาสดีที่ได้ไปดูสวนยางที่ภาคเหนือ ที่หลายพื้นที่เขากรีดกันหน้าที่ 2 แล้วก็มี ที่ตื่นเต้นมากน่าจะเป็นที่อำเภอภูซาง ยางพารามากมีกันแทบทุกบ้าน แล้มีการกรีดกันมาลายปีแล้ว เห็นเกษตรกรมีความสุข มีผลผลิต ขายได้ราคา แต่ที่ไม่เปิงใจน่าจะเป็นที่ยุงเยอะมาก เนื่องจากสวนยางทำให้เกิดร่มเงาเป็นบริเวณกว้างเป็นที่อยู่อาศัยของยุง เกษตรกรมีประสบการณ์ในการดูแลสวนแตกต่างกัน มีเทคนิดในการเพื่มผลผลิตแตกต่างกันมาก

เกษตรกรใช้นิ้วจุ่มดูเปอร์เซนต์เนื้อยางที่น้อยลง
การไปช่วงนี้ทำให้เห็นว่ายางหน้าหนาวหากกรีดจะหยุดไหลช้า และช่วงนี้เป็นช่วงที่มีเนื้อยางน้อย คือเป็นน้ำมากกว่าเนื้อเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำยางช่วงอื่น ๆ ของปี ช่วงที่เป็นดอยจะมีน้ำน้อยกว่าช่วงที่เป็นที่ลุ่ม ซึ่งก็อธิบายได้ไม่ยากตามความชื้นในดินที่มีในแต่ละพื้นที่ที่ปลูกยาก หากมีมากน้ำยางจะมีน้ำมากกว่าจนกว่าระดับน้ำ-ความชื้นในดินจะลดลง ดังนั้นในช่วงนี้หากเกษตรกรกรสังเกตุเห็นว่าย้พยางเหลว แข็งตัวช้าให้ผสมน้ำยางในสัดส่วนที่มากขึ้นกว่าน้ำเวลาทำยางแผ่น เกษตรกรบางรายให้ข้อสังเกตุว่าหากน้ำอุ่นจะทำให้ยางแข็งตัวเร็วกว่า
มีที่น่าห่วงคือการกรีดและการรักษาหน้ากรีดยาง บางรายทำได้ดี หน้ากรีดสวย หน้าไม่แห้ง ไม่มีรอยกรีดลึก เกษตรกรให้ข้อสังเกตุช่วงนื้เปลือกพัฒนาได้เร็ว

หน้ากรีดที่กรีดได้สวย น้ำยางมากในช่วงนี้แต่เนื้อยางต่ำ
ส่วนที่หน้ากรีดแย่ ๆ ก็มีมาก แถมกรีดยางต้นเล็กอีกต่างหาก เรื่องนี้ห้ามกันยาก การกรีดยางต้นเล้กจะทำให้อายุของต้นยางที่จะสามารถกรีดได้สั้นลง เนื่องการกรีดยางต้นเล็ก เปลือกจะบางมีโอกาสที่จะกริดลึกเลยเปลือกมีมาก น้ำยางก็ได้น้อย เกษตรกรที่ดูเลสวยสวย ๆ นี้ บอกว่าสวนตัวเองจะกรีดยางต้นโตกรีด 1/3 ต้นก็พอ แต่หากต้องกรีดจริง ควรกรีดที่ระดับต่ำลงมาเพราะการเปิดกรีดที่ 150 ซม กับต้นยางเล็กเปลือกจะบาง และอีกประการหนึ่งควรจะป้องกันการชะล้างหน้าดินในแปลงที่มีพื้นที่ลาดเท ควรมีสิ่งปกคุมดิน เช่วนในยาง เศษกิ่งยางที่ล่วงหล่นไม่ควรกวาดออกหรือเผา ควรให้คลุมดินไว้ หากทำได้ให้ไถกลบลงดินบ้างนอกจากจะทำให้ดินอุดมสมบรูณ์แล้วยังช่วยให้การซึมซาบน้ำลงดินดีขึ้นด้วย หรือทำเป็นจุดชลอน้ำไม่ให้ไหลบ่าทันที ให้ไหลลงดินบ้าง

นอกจากไปดูสวนชาวบ้านแล้วยังมีโอกาสไปดูสวนของนักลงทุนอีก (ขอขอบคุณที่เจ้าของอนุญาตให้เข้าชม) เขาปลูกยาง 1 ปี โตมาก ๆ ด้วยให้น้ำจากบ่อที่เลี้ยงหมูอยู่บนบ่อทุกสัปดาห์ ทำให้ยาง 1 ปีต้นสูงมากใหญ่มาก ดูรูปเอาเองเลย

ยางต้นนี้เป็นยาง RRIM 600 อายุปีเศษเทียบกับคนตัวโตๆ เห็นถึงศักยภาพของการเจริญเติบโต แต่ในปีต่อ ๆ ต้องรอดู มีผู้ให้ข้อสังเกตุว่าปีต่อไปน่าจะขยายขนาดของต้น แต่ทรงต้นจะเป็นอย่างไรจะพยายามติดตาม

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พฤศจิกาน้ำท่วมกรุง

ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพได้ยาวนานขนาดนี้ โดยเฉพาะเขตปริมณฑลที่ขังยาวนาน ปริมาณน้ำจำนวนมากเขาเดินทางใช้เวลานาน แต่ก็ด้วยการคากการณ์ที่ผิดพลาดทำให้กรุงเทพและปริมณฑลเป็นฝ่ายตั้งรับน้ำที่เขาเรียกว่าก้อนใหญ่ ปริมาณขนาดใหนไม่สามารถคาดเดาได้ หรือไม่ก็ไม่กล้าประเมิน ช่วงต้นเดือนพ.ย.เดินทางไปทางเหนือกำแพงเพชรน้ำลดลงมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน นำที่มากเหล่านั้นไม่มีใครคิดจะกักเก็บไว้ใช้ ไม่มีหน่วยงานใดคิดจะนำมาใช้ประโยชน์ เพราะว่าปีนี้น่าจะแล้งตามมาติด ๆ น้ำฝนทั้งหมดที่ตกลงมาในบริเวณภาคเหนือในรอบปีที่ผ่านมามากกว่าค่าปกติ จึงทำให้มีปริมาณน้ำที่ไหลลงล่างมีมากน้ำในเขื่อนทางตอนบนจึงมีรายงานว่ารับน้ำไว้เต็มหรือเกือบเต็มความสามารถของเขื่อน ซึ่งต่างจากภาคตะวันตกที่ปริมาณน้ำฝนปีนี้น้อยกว่าปกติ ทำให้เขื่อนทางด้านตะวันตกไม่มีน้ำ
2 เดือนที่น้ำใช้เวลาเดินทางจากทางเหนือลงสู่กรุงเทพ พร้อมทั้งทำความเสียหายกับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และที่อยู่อาศัยจำนวนมาก คงมีคำถามอยู่ในใจผู้คนมากมายว่าหน่วยงานของรัฐทราบข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการจัดการกับน้ำนี้หรือไม่ ผู้รับผิดชอบโดยตรงทราบหรือไม่และได้ใช้ข้อมูลเหล่านั้นมาช่วยในการตัดสินใจหรือไม่
ดอนเมือง เกษตร กลายเป็นที่ลุ่มรับน้ำ ไม่ดอนเหมือนชื่อเลย ช่วงนี้น้ำจะระบายออกได้คือลงทะเล ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม แต่ถ้าคิดต่างไป หลาย ๆ กิจกรรมตั้งใช้น้ำ ถ้าเราช่วยกันนำน้ำ หรือสูบใส่รถบรรทุกน้ำไปใช้ เช่น ทำความสะอาดถนน บ้านเรือน รถน้ำต้นไม้ ซึ่งมองไปหลายที่ก็เริ่มเหี่ยวแห้งแล้ว หรือแม้แต่สูบกลับขึ้นไปทางเหนือบ้าง ก็น่าจจะดีกว่าให้มีทางเลือกอยู่ทางเดียวที่ให้ลงทะเล ช่วงนี้หลายพื้นที่เริ่มน้ำลด เราก็เข้าไปล้างทำความสะอาดด้วยน้ำที่ท่วมนั้นแหละก่อนเป็นระยะจะได้ไม่ต้องออกแรงขัดมากเมื่อน้ำแห้ง ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุกคน

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พฤศจิกาอ่วม

น้ำฝนปีนี้มากช่วงปลายปีทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่มาก ๆ ที่ที่ไม่เคยมีปัญหาน้ำท่วมมาก่อนก็เกิดน้ำท่วม รุนแรงมากน้อยแตกต่างกัน ซึ่งคราวนี้คนกรุงเทพและรอบข้างเจอแบบไม่สามารถใช้ชีวิตแบบปกติได้ ต้องอพยบกัน เก็บของขึ้นที่สูง ยอมรับกับมัน บางคนโชคดีมีหลายบ้านจึงสามารถย้ายตัวเองมาอยู่ต่างจังหวัดซึ่งปลอดภัยกว่า และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่ต้องยุติงานหรือกิจกรรมที่ไม่สามารถทำได้ไป จะช่วยลดปัญหาที่หน่วยงานต่าง ๆ ต้องคอยมาช่วยเหลือลงไป
ประมาณการณ์ต่าง ๆ ดูตำกว่าที่เป็นจริงหรือเกิดคาดมากก ภาครัฐจึงไม่ประสบผลสำเร็จในการสกัดกั้น หรือจัดการน้ำจำนวนมหาศาลนี้ได้ น้ำจำนวนมหาศาลนี้มาจากไหน ยังคงต้องการคำตอบ เมืองไทยมีคนเก่งก็มากแต่ไม่สามารถนำความรู้ และข้อมูลต่าง ๆ มาใช้จัดการอย่างได้ผล มีแต่ความล้มเหลวซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ราชการก็หยุดงาน เพราะโดยสภาพทำงานไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้วหลายหน่วยงานมีหลายแห่ง น่าจะพิจารณาย้ายที่ทำงานพร้อมอพยบคนได้ด้วย งานที่ต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่นจะได้สามารถดำเนินต่อไปได้ จนปัจจุบันน้ำยังไม่ลด และเคลื่อนที่ไปทำความเสียหายระหว่างเส้นทางไปเรื่อง ๆ เหตุการณ์นี้ถูกจงใจให้ไปทางใดทางหนึ่ง ปกป้องทางหนึ่งด้วยเหตุผลที่สมควรแก่เหตุหรือไม่ ถนนที่แบ่งเขตสร้างความแตกต่างในสังคมมาก ใครที่มีสิทธิพิเศษก็ได้รับการปกป้อง หากเราปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเราน่าจะพ้นวิกฤตินี้ไปแล้ว
หน่วยงานที่ได้รับน้ำท่วมก็ไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้สะดวก ถ้าจะไปจริง ๆ ก็ไปได้ แต่ต้องใช้ความพยายามมาก เวลามาก และก็คงไม่มีสมาธิทำงานด้วย การทำงานณ.ที่ใด ๆ ก็ได้น่าจะนำมาใช้ได้ดีกว่าปล่อยเวลาไปเลย หรือไปทำงานในที่ที่อื่นเพื่อให้ทำงานได้ งานต้องดำเนินต่อไป ถ้ามาเศร้าซึมกับเหตุการณ์นี้ไปหมดก็คงหดหู ไม่ได้งาน เสียโอกาสด้วย
อยากให้ทุกคนยอมรับ สอนให้เด็ก ๆ เห็นความสนุกสนานจากน้ำท่วมบ้างไม่อยากให้เด็กรุ่นนี้ซึมเศร้ากับเหตุการณ์อย่างนี้

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตุลาหนักกว่า



ตุลาคมน้ำจำนวนมากๆๆจากฝนที่ตกในที่ที่ต่างไปจากปีก่อน ๆอาจเป็นอิทธิพลของการเลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมด้วย เป็นที่สังเกตุว่าปริมาณน้ำท่วมเกิดขึ้นในพื้นที่ที่ไม่เคยมีน้ำท่วมมาก่อน เกิดขึ้นหลายแห่ง จากพี่แจ๋วยังบอกว่าบ้านที่อุทัยไม่เคยมีน้ำท่วมหนักขนาดนี้ ในชั่วอายุของผู้เป็นแม่ ลุ่มน้ำสะแกกรังเป็น 1 ใน 25 ลุ่มน้ำก็เจอปัญหาน้ำท่วมมาในปีนี้ สุพรรณบุรีจะน้ำท่วมได้เนื่องจากการผันน้ำจากเขี่อนเจ้าพระยา เพราะว่าปริมาณน้ำจากฝนตกในพื้นที่มีน้อยมาก หลายพื้นที่ก็มีน้ำท่วมเป็นประจำทุกปีเป็นพื้นที่ซ้ำซาก เช่น บางปลาม้า แต่เป็นพื้นที่ทุ่งนาจึงไม่มีใครเดือดร้อนนักยกเว้นคนทำนาที่ต้องปล่าช้าไป หรือต้องพักไปโดยปริยาย รอให้น้ำลด เพราะน้ำในบริเวณนี้ลดช้ามาก การใช้ถนนเดินทางผ่านสายเอเชียทำไม่ได้ เนื่องจากน้ำท่อมทางในเขตบางปะหัน การเลี่ยงการจราจรมาทางสายสุพรรณบุรัทำให้การจราจรติดขัดโดยเฉพาะวันแรก ๆ น้ำท่วมครั้งนี้ทำให้คนสุพรรณบางคนหงุดหงิด ที่กลายเป็นจำเลยของสังคม ที่น้ำไม่ท่อมย่านตัวเมื่อง แต่ถ้ามาดูพื้นที่จิง ๆ แลเวปีนีน้ำมากกว่าปี 2549 ที่น้ำท่วมเมืองสุพรรณอีก ด้วยน้ำมหาศาลในทุกพืนที่ ก่อนนี้เคยคิดว่าหากเรามีการเก็บกักน้ำเป็นระยะด้วยการทำแก้มลิง หรืออ่างเเก็บน้ำขนาดเล็ก ทั้งเป็นของไร่นาเอง ของชุมชน น่าจะช่วยได้ การขุดลองหนองคลองบึงโดยเฉพาะบึงบรเพ็ดควรทำ เพื่อชลอไม่ให้มวลน้ำไหลลงเจ้าพระยา แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้ว เราต้องพร้มที่จะเผชิญกับการที่น้ำท่วมได้ตลอดเวลา ไม่ไว้วางใจการบริหารจัดการจากภาครัฐ ก็ถือเป็นการซ้อมใหญ่

อย่างไรก็ตาม การทำแก้มลิง หรืออ่างเเก็บน้ำขนาดเล็ก ทั้งเป็นของไร่นาเอง ของชุมชน รวมทั้งการขุดลองหนองคลองบึงควรทำอย่างยื่ง เพราะปริมาณน้ำที่ตกมาหากระบายทิ้งทะเลทั้งหมด หน้าแล้งนี้เราคงต้องเจอกับภัยแล้ง เหมือนคำพูดว่าพอหมดน้ำท่วม ก็แล้งปั๊บ การให้ชุมชนมามีส่วนช่วยในการบริหารจัดการน้ำจะดีกว่าเนื่องจากชาวช้าน ชุมชนรู้จักพื้นที่ การมาและไปของน้ำในพื้นที่ดี