มันกำแพงเพชรส่วนใหญ่นิยมปลูกข้ามปีกัน โดยปลูกพค. และเก็บเกี่ยวประมาณพยถึงธคปีถัดไป ปกติเกษตรกรจะได้ผลผลิตเพิ่มจากการไว้ข้ามปี 3-4 ตัน แต่ปีนี้บางรายที่ได้รับผลกระทบจากเพลี้ยแป้งปีที่ผ่านมาแล้วไม่เก็บมาเก็บปีนี้ ปรากฏว่าผลผลิตลดลงจากที่เคยหลายตัน ได้ราว 3 ตัน ก็มี แต่บางรายที่ไม่มีปัญหาก็ได้ผลผลิตดี 8 ตัน เกษตรกรพยายามไม่ให้มีนเกิน 18เดือน เพราะแป้งจะลดลง และเป็นเส้นแข็ง ลามมันหลายแห่งก็ปลูกมันเอง นิยมทำมันเส้นใหญ่เพราะขายง่ายกว่านำไปขายกับบ.อาหารสัตว์ การรับซื้อที่ลานมันไม่มีการวัดแป้ง ต่างจากโรงแป้งที่วัด และไม่ชอบมันระยอง 72 เพราะว่าแป้งต่ำจรึงหรือไม่ก็ทำให้เกษตรกรไม่อยากปลูก ตลาดเป็นคนกำหนดพันธุ์ ลานหลายแห่งนำพันุ์ใหม่ ๆมากระจายให้เกษตรกร
เจอเกษตรกรชื่อครรชิดปลูกพยที่แล้วให้น้ำตอนปลุกและ4 เดือน เจอเพลี้ยแป้งทั้งๆที่แปลงอื่นข้างๆไม่เจอ และไม่ได้ดูแลเพราะไปอยู่วัดโบถ ปีที่แล้วแปลงนี้ได้ 5 ตัน ที่ 4 ไร่
ออกมาจากแปลงเลยไปหน่อยเป็นแปลงมันปีนี้พันธุ์ระยอง5 ดูแรก ๆ ไม่น่าจะมีอะไรแต่เจอเพลี้ยแทบทุกต้น ตรวจสอบ 50 ต้น เจอเกือบทุกตั้น แต่ไม่ค่อยพบตัวสีชมพู
เกษตรกรที่ขาณุ สายวสันต์ มณฑาทิพย์ CMR35-22-196 และแสงเทียน ปัทมาลัย ระยอง 9 เป็นแปลงที่แยกจากส่วนใหญ่ ปีก่อนระยอง 9 ได้ 4 ตัน ระยอง 7 ไร่
การหาคำตอบเกี่ยวกับวันปลูกคงพิจารณาจากผลผลิตอย่างเดียวไม่ได้ ช่วงนี้สำรวจข้อมูลอยู่กำแพงเพชรได้ข้อสรุปเกี่ยวกับวันปลูกที่นี้ขึ้นอยู่กับฝน ที่นี่แปลกมากนิยมไว้มันมากกว่าปี มักเก็บที่ 18 เดือน ได้ผลผลิต 10 ตัน พันธุ์มหัศจรรย์ที่นี่คือ น้องแบม ได้ผลผลิต 10 ตัน แน่นอน ต้นไม่สวยแต่หัวดีเกษตรกรชอบ ผิดกับระยอง 9 ที่ต้นใหญ่ไม่กี่ต้นก็แบกกันหนัก ซึ่งก็เป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของเกษตรกร
ลุงอุบล พาไปดูแปลงนายบุญเชิด ปลูก 196 แปลงนี้จากที่ไม่ได้ผลผลิตเท่าไร มาเป็นแปลงที่ดีได้โดยการปรับปรุงดินใช้ขี้เถ้า กากน้ำตาล และน้ำมามิ
พบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับพันธุ์ 166 หรือที่เกษตรกรเรียกกันว่าน้องแบม ต้นไม่สวยแต่ผลผลิตดี มันที่นี่ต้นใหญ่มาก แต่ผลผลิตน้อยกว่าที่ศักยภาพของพันธุ์ไปถึง และยังปลูกยาวนานถึง 18 เดือน ด้วย เป็นวิธีการที่เกษตรกรปรับตัวเพื่อให่มีท่อนพันธุ์ไว้ปลูกในปีต่อไป เกษตรกรที่นี้เห็นความสำคัญของอินทรีย์วัตถุมาก
วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ตามไปดูเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังกับคณะของ CIAT
เริ่มต้นที่พืชไร่ระยองมีพี่ๆจากอารักขา-พี่อัมพร จากพืชไร่-พี่แดง รังสี วิสุทธิ์ ส่วนเรารอสมทบอยู่ที่ระยอง พี่อัจฉรา พี่สมลักษณ์บรรยายด้วยภาพของเหตุการณ์ที่พบเพลี้ยแป้งในแปลงสาธิตพันธุ์ของศูนย์ภาพเดือนมกราคม 51 ในพันธู์ระยอง 90 กุมภาพันธ์ อายุ 4 เดือน ยอดมันสำปะหลังถูกทำลายเห้นได้ชัดจากยอดที่หงิก แระยอง 9ปลงต่ไป แปลงทดสอบพันธุ์ระยอง 5 มีนาคม 2008 มีเพลี้ยแป้งขาวเต่มยอด - เพลี้ยแป้งสีเขียวมาใหม่ อีกแปลงระยอง 9 มีนาคม 2009 เพลี้ยแป้งสีชมพูการสำรวจการระบาดในแปลงเกษตรกรปีนี้จะประสบปัญหาในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ช่วงเวลาแต่ละปีแตกต่างกัน เรามาช่วงนี้ ปีมันฟื้นตัวสังเกตุจากภายนอกยาก นี้มีฝนเดือนพฤศจิกายนด้วย
ความแตกต่างมีแต่ทางวิทยาศาสตร์ไม่มีความแตกต่างเปิดใจให้กว้าง แลกเปลี่ยนกับผู้อื่นจะเรียนรู้และพัฒนาตนเองและความรู้ได้
ได้รู้จักอาการของโรคที่เราไม่ค่อยได้สังเกต เช่น อาการเหลืองเนื่องจากใส้เดือนฝอย และรากเน่า โรคใบไหม้เนื่องจากแบคทีเรีย และทำให้ใบเหลืองแตกยอดเป้นพุ่ม
ความแตกต่างมีแต่ทางวิทยาศาสตร์ไม่มีความแตกต่างเปิดใจให้กว้าง แลกเปลี่ยนกับผู้อื่นจะเรียนรู้และพัฒนาตนเองและความรู้ได้
ได้รู้จักอาการของโรคที่เราไม่ค่อยได้สังเกต เช่น อาการเหลืองเนื่องจากใส้เดือนฝอย และรากเน่า โรคใบไหม้เนื่องจากแบคทีเรีย และทำให้ใบเหลืองแตกยอดเป้นพุ่ม
วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552
อินเดียต่อ
เลิกอบรมแต่ละวันก็ 5 โมงแล้ว ไปเดินดูแปลงเห็นคร้้งแรกคิดว่าเป็นหญ้าตีนกา เดินถึงป้ายบอกเป็นแปลงรวบรวมพันธุกรรมมิลเล็ต ถ่ายรูปมาด้วยสวย ๆ ก็มี กินน้ำจากท่อปะปาเลย ต้องทำใจเวลากิน ทำให้กินน้ำได้น้อยในช่วงนี้ การขับถ่ายดูไม่ค่อยปกติ
เย็นวันพฤหัสมีงานเลี้ยงต้อนรับที่ริมสระน้ำ มีจากกลุ่มอื่นมาร่วมด้วย (เขาคงจัดครั้งเดียวสำหรับทุกกลุ่ม) ชินเทียให้การบ้านอีกแล้ว ทานอาหารโต๊ะเดียวกับเวียดนาม ชินเทียมาพร้อมนาวีน ก็คุยเรื่องงานด้วยว่าแต่ละประเทศจะเตรียมตัวรับกับ CC อย่างไร แล้วแต่ละประเทศมีทิศทางในการพัฒนาเพื่อรับมือกับสิ่งนี้อย่างไร ให้เวียดนามส่งเอกสารทางราชการที่ระบุเกี่ยวกับ scenario ที่จะใช้ในการกำหนดทิศทางการศึกษา ดูเขาคาดหวังกับสิ่งที่ให้มาอบรมมากและถามว่าได้อะไรบ้างแล้วจะนำไปใช้อย่างไร เนื่องจากประเทศอื่น ๆ ที่ร่วมโครงการด้วยไม่ได้มา เวียดนามขอ copy เอกสารและโปรแกรมของเราไปด้วย หากเทียบกันแล้วประเทศไทยดูด้วยไปในเรื่องข้อมูลเชิงนโยบาย การเก็บข้อมูลเสร็จแล้ว และดูเหมือนว่าจะมีครั้งหน้า 2 คนจากแต่ละทีมจะได้ไปอบรม และ 1 คือด้านสังคม ที่บังคลาเทศ
เขาถามเน้นว่าใครคือคนทำข้อมูล รู้สึกผิดที่เราเป็นคนรวบรวมข้อมูลสัมภาษณ์ด้วย รัชดา และเบญจมาศน่าจะเป็นคนทำมากกว่า นาวีนเองก็เข้าใจเช่นนั้น นาวีนเข้าใจผิดว่าเราทำงานกับพี่ประพันธ์ในการรวบรวมข้อมูลมือสอง
วันนี้อบรมวันสุดท้ายเป็นวันขอบคุณ ผู้จัดถามว่าที่พักเป็นอย่างไรบ้างอีกแล้ว เมื่อวาน เพื่อนเวียดนามเพิ่งมาให้ข้อมูลว่าเราน่าจะได้ที่พักที่ดีกว่านี้ แต่เราก็ OK ช่วงนี้ไม่ร้อนการอยู่แบบสมถะนี้ก็ดี คนที่มาศึกษาวิจัยที่นี่ก็พักตึกนี้หลายคน และยังทำให้ได้เพื่อใหม่อีกด้วย ตอนเช้าเอาขนมที่หิ้วไปจากเมืองไทยไปให้พูริมา ก็จะกลับแล้วเลยให้เขาได้รู้จักขนมของบ้านเราบ้าง ไปเขาก็ไม่ยอมเสียเปรียบ คือไม่อยากเป็นผู้รับฝ่ายเดียวเลยให้ขนมปังมา 1 ห่อ และให้เราเขียน email ไว้ให้ ขอบคุณสำหรับความใจดีของคนอินเดีย
วันแรกนับว่าเป็นโอกาสดีที่ได้ออกไปดูบ้านเมืองเขาบ้าง แต่ถ้ามีข้อมูลดีกว่านี้คงได้มีโอกาสไปเที่ยวเมือง hyderabad ด้วย วันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับจึงขอออกไปถ่ายรูปที่ถนน เลยรอถ่ายรูปรถออโต้ และรถเมล์ที่เคยขึ้นไปตลาดในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เสร็จแล้วก็กลับมาทีหอพักเตรียมเพ็คของกลับบ้าน แต่มีการเข้าใจผิดกันเล็กน้อยเรื่องเวลาออกไปสนามบิน มีโทรศัพท์จากพนักงานต้อนรับมาตามว่ารถพร้อมแล้วเอาตอน 18.30 น แต่เราก็ยังไม่อยากไป เพราะยังไม่ได้กินข้าว เก็บของยังไม่เรียบร้อย ก็รอไปพร้อมคนเวียดนามสองทุ่มตามกำหนดเดิมที่ตั้งใจไว้ เดินทางไปสนามบินด้วยรถที่เขาจัดให้ วันนี้เป็นรถตู้โคตรเก่าเลยไม่มีแอร์คือใช้งานไม่ได้มากกว่า ถ้าเป็นรถคันก่อนหน้าจะเป็นรถใหม่ 4 ที่นั่งสบาย ๆ วันนี้เดินทางมาด้วยเส้นทางใหม่แต่ก็วนไปทางเดิมเช่นกัน สัปดาห์ที่จะถึงนี้เป็นช่วงของการเฉลิมฉลองของชาวอินเดีย วันนี้ก็เลยเห็นการเฉลิมฉลองเล็ก ๆ มีการประดับแสงไฟและมีชุดคล้ายกระถาง ถาดเทียนขายคล้าย ๆ ช่วงยี่เป้งบ้านเรา ถึงสนามบินประมาณ 3 ทุ่มตามเวลาท้องถิ่น เสียดายเรื่องการแลกเงิน หากมีใครมาอีกต้องแนะนำดี ๆ มิฉะนั้นเงินจะหายไปกับตาเหมือนเรา จะได้ไม่ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนมากเท่าครั้งนี้ แล้วก็เดินค่าเวลาหาของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆที่สนามบินแต่ซื้อเป็นเงินไทยไม่ได้ของกี่ชิ้น กลับไปหลายชายคงบ่นแน่ว่าไม่มีอะไรมาฝากเลย
เย็นวันพฤหัสมีงานเลี้ยงต้อนรับที่ริมสระน้ำ มีจากกลุ่มอื่นมาร่วมด้วย (เขาคงจัดครั้งเดียวสำหรับทุกกลุ่ม) ชินเทียให้การบ้านอีกแล้ว ทานอาหารโต๊ะเดียวกับเวียดนาม ชินเทียมาพร้อมนาวีน ก็คุยเรื่องงานด้วยว่าแต่ละประเทศจะเตรียมตัวรับกับ CC อย่างไร แล้วแต่ละประเทศมีทิศทางในการพัฒนาเพื่อรับมือกับสิ่งนี้อย่างไร ให้เวียดนามส่งเอกสารทางราชการที่ระบุเกี่ยวกับ scenario ที่จะใช้ในการกำหนดทิศทางการศึกษา ดูเขาคาดหวังกับสิ่งที่ให้มาอบรมมากและถามว่าได้อะไรบ้างแล้วจะนำไปใช้อย่างไร เนื่องจากประเทศอื่น ๆ ที่ร่วมโครงการด้วยไม่ได้มา เวียดนามขอ copy เอกสารและโปรแกรมของเราไปด้วย หากเทียบกันแล้วประเทศไทยดูด้วยไปในเรื่องข้อมูลเชิงนโยบาย การเก็บข้อมูลเสร็จแล้ว และดูเหมือนว่าจะมีครั้งหน้า 2 คนจากแต่ละทีมจะได้ไปอบรม และ 1 คือด้านสังคม ที่บังคลาเทศ
เขาถามเน้นว่าใครคือคนทำข้อมูล รู้สึกผิดที่เราเป็นคนรวบรวมข้อมูลสัมภาษณ์ด้วย รัชดา และเบญจมาศน่าจะเป็นคนทำมากกว่า นาวีนเองก็เข้าใจเช่นนั้น นาวีนเข้าใจผิดว่าเราทำงานกับพี่ประพันธ์ในการรวบรวมข้อมูลมือสอง
วันนี้อบรมวันสุดท้ายเป็นวันขอบคุณ ผู้จัดถามว่าที่พักเป็นอย่างไรบ้างอีกแล้ว เมื่อวาน เพื่อนเวียดนามเพิ่งมาให้ข้อมูลว่าเราน่าจะได้ที่พักที่ดีกว่านี้ แต่เราก็ OK ช่วงนี้ไม่ร้อนการอยู่แบบสมถะนี้ก็ดี คนที่มาศึกษาวิจัยที่นี่ก็พักตึกนี้หลายคน และยังทำให้ได้เพื่อใหม่อีกด้วย ตอนเช้าเอาขนมที่หิ้วไปจากเมืองไทยไปให้พูริมา ก็จะกลับแล้วเลยให้เขาได้รู้จักขนมของบ้านเราบ้าง ไปเขาก็ไม่ยอมเสียเปรียบ คือไม่อยากเป็นผู้รับฝ่ายเดียวเลยให้ขนมปังมา 1 ห่อ และให้เราเขียน email ไว้ให้ ขอบคุณสำหรับความใจดีของคนอินเดีย
วันแรกนับว่าเป็นโอกาสดีที่ได้ออกไปดูบ้านเมืองเขาบ้าง แต่ถ้ามีข้อมูลดีกว่านี้คงได้มีโอกาสไปเที่ยวเมือง hyderabad ด้วย วันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับจึงขอออกไปถ่ายรูปที่ถนน เลยรอถ่ายรูปรถออโต้ และรถเมล์ที่เคยขึ้นไปตลาดในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เสร็จแล้วก็กลับมาทีหอพักเตรียมเพ็คของกลับบ้าน แต่มีการเข้าใจผิดกันเล็กน้อยเรื่องเวลาออกไปสนามบิน มีโทรศัพท์จากพนักงานต้อนรับมาตามว่ารถพร้อมแล้วเอาตอน 18.30 น แต่เราก็ยังไม่อยากไป เพราะยังไม่ได้กินข้าว เก็บของยังไม่เรียบร้อย ก็รอไปพร้อมคนเวียดนามสองทุ่มตามกำหนดเดิมที่ตั้งใจไว้ เดินทางไปสนามบินด้วยรถที่เขาจัดให้ วันนี้เป็นรถตู้โคตรเก่าเลยไม่มีแอร์คือใช้งานไม่ได้มากกว่า ถ้าเป็นรถคันก่อนหน้าจะเป็นรถใหม่ 4 ที่นั่งสบาย ๆ วันนี้เดินทางมาด้วยเส้นทางใหม่แต่ก็วนไปทางเดิมเช่นกัน สัปดาห์ที่จะถึงนี้เป็นช่วงของการเฉลิมฉลองของชาวอินเดีย วันนี้ก็เลยเห็นการเฉลิมฉลองเล็ก ๆ มีการประดับแสงไฟและมีชุดคล้ายกระถาง ถาดเทียนขายคล้าย ๆ ช่วงยี่เป้งบ้านเรา ถึงสนามบินประมาณ 3 ทุ่มตามเวลาท้องถิ่น เสียดายเรื่องการแลกเงิน หากมีใครมาอีกต้องแนะนำดี ๆ มิฉะนั้นเงินจะหายไปกับตาเหมือนเรา จะได้ไม่ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนมากเท่าครั้งนี้ แล้วก็เดินค่าเวลาหาของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆที่สนามบินแต่ซื้อเป็นเงินไทยไม่ได้ของกี่ชิ้น กลับไปหลายชายคงบ่นแน่ว่าไม่มีอะไรมาฝากเลย
วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เดินทางไปอินเดีย
11 ตุลาคม 2552 มาถึงสนามบินราชิพคานทีเมือง hyderabad ประมาณ 5 ทุ่ม สนามบินขนาดใหญ่มาก ผ่านกระบวนการเข้าเมือง ออกมามองหาคนมารับ กว่าจะถึงที่หมายก็หลังเที่ยงคืน หลังจากเช็คอินเข้าห้องพักก็นอนเลยเพราะง่วงมากแล้ว แต่ก็ไม่หลับเพราะยุงบินรบกวน เลยต้องมาเปิดพัดลมนอน เขารับรองด้วยห้องพักแบบพักคนเดียวไม่มีแอร์ แต่ใช้ห้องน้ำร่วมในกลุ่ม คือ อีก 1 ห้อง มีน้ำอุ่นให้ ผ้าเช้ดตัว สบู่ ทีวี มีสายต่ออินเตอร์เน็ตแต่ก้เข้าใช้ไม่ได้ ต้องรอช่างเทคนิคพรุ่งนี้ ก็คงไม่ได้เจออยู่ดีเพราะเวลาทำงานก็อบรมอยู่ วันนี้ก็ใช้ที่ housing office ไปก่อน ส่งเมล์ไปหาคุณแอเพราะเป็นเมล์มาทักทายอันแรก ช่วงเช้าถามหาโรงอาหารกับพนักงานต้อนรับ รู้ทิศแล้วแต่ก็หาไม่เจอ ไม่เฉลียวเลยว่าเป็นห้อง 204 คืออยู่ชั้น 2 ตั้งเดินผ่านไปรอบหนึ่ง โชคดีที่แรกเงินรูปีมา 50 ยูโร รู้สึกว่ามากไปตอนแลกเงินไม่ได้คิด แถมแลกได้แค่ 3,110 รูปี ทั้งๆ ที่อัตราแลกเปลี่ยนเขียนไว้ว่า 64 ก็ได้ใช้เป็นค่าอาหาร อาหารก็ไม่แพงราคาคล้ายบ้านเราแต่หน้าตาอาหารแตกต่าง กินได้บ้างไม่ได้บ้าง อาหารมีส่วนที่เป็นมังสวิรัสกินได้ เน้นของไม่ปรุงมากเป็นหลักทุกมื้อจะมีแผ่น คล้ายโรตีให้เลือกกิน เช้ากินขนมปัง 2 ชิ้น น้ำส้ม กล้วยหอม 24 รูปี หลังอาหารเช้าว่างไม่รู้จะทำอะไรก็เดินเที่ยวในบริเวณที่ทำการ วันอาทิตย์ปิด จะทำงานในส่วนที่จำเป็น งานวิจัยที่เห็นก็เน้นถั่วหลากชนิด green house จำนวนมากใช้งานและใช้งานอยู่จริง ๆ เขาแบ่งเป็นห้องย่อย ๆสำหรับงานวิจัยมีอุปกรณ์ช่วยในการควบคุมสภาพแวดล้อม
แปลกที่คนอินเดียไม่ใช้โรงอาหารที่ dining hall ถาม Anupama เธอบอกว่ามี canteen อีกแห่งหนึ่ง หลังอาหารแจ้งผู้จัดการอบรมเรื่องการคืนเงินค่าเครื่องบิน …ให้คนอื่นไปแล้ว Naveen เพิ่งมาถามหา เธอก็ยังเป็น Boss เช่นเคย มากำชับ Anupama เกี่ยวกับการอบรมว่าอย่าลืมเปลี่ยนหน่วยข้อมูลภูมิอากาศด้วยภาษาอังกฤษที่แสนแย่แต่ก็มีคนพยายามคุยกับเราและฟังเราคุยเพราะต้องถามซ้ำบ่อย ๆ แต่ดีที่เขาบอกเลยเวลาไม่เข้าใจที่เราพูด เป็นภาษาอังกฤษที่แย่มาก มื้อเย็นได้ทานข้าวโต๊ะเดียวกับ Rao อีกคน เขาก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของทีม 3 Rao ก็เลยถามถึงสมาชิกในทีมว่ามีกี่คน ปรากกว่ามี 3 คน นั้นหมายถึงว่าเราได้เจอครบทั้ง 3 คนแล้ว ทีมนี้รับผิดชอบงานต่างจากทีมของ ICRIST โดยเขารับผิดชอบในการพัฒนาโปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลภูมิอากาศ และ พัฒนา model ส่วนทีม ICRIST รับผิดชอบเรื่องงานเชิงสังคมทั้งหมด เขาเน้นว่านักอุตุนิยมวิทยาเกษตรทำงานควบคู่ไปกับนักวิชาการเกษตร บ้านเราไม่ได้ทำงานใกล้ชิดแบบเดียวกับเขา เนื่องจากเราอยู่กันต่างกรมและหาโอกาสในการทำงานร่วมกันยาก ส่วนนี้เราต้องปรับปรุง คนอินเดียก็ใจดีนะ เขาเล่าให้ฟังว่าเพื่อนเขาไปเมืองไทยไม่สามารถซื่ออะไรได้เพราะว่าคนไทยพูดภาอังกฤษไม่ได้ เสียดายขาดรายได้เข้าประเทศเลย
13 ตุลาคม มาทานข้าวเช้าเจอเพื่อนชาวเวียดนาม Tei เพิ่งเจอกันที่กรุงเทพ งวดนี้เขามาอบรมเรื่องข้าวฟ่าง กลับ 18 มากับเพื่อนชาวเวียดนาม 3 คน ที่นี่มาการอบรมมาก บ่อย มีหอพักอำนวยความสะดวก คนอินเดียก็เลือกที่จะพักที่หอแทนการกลับบ้านสะดวกกว่ามากเช้านี้ลงโปรแกรมเพิ่ม dotnet เนื่องจากโปรแกรม gencal, GULE ต้องใช้จึงจะรันได้ วันที่เรียนเรื่องสรีรวิทยาเป็นหลัก และการพัฒนาโมเดล และอธิบายความเป็นมาของโมดูลย่อย ๆ ที่ใช้ในโมเดล ทั้งหมดต้องใช้ผลการศึกษาทดลองสนับสนุนจำนวนมากเพื่อให้เหตุผลว่า crop model อธิบาย phonology ของพืชได้อย่างไร สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ life cycle และ growth stage-ของพืชที่เราสนใจ การตอบสนองต่อแสงเป็นอย่างไร วันนี้เรื่องหลักก็คงเป็นการทำความเข้าใจโมเดล และการปรับแต่งค่าสัมประสิทธิ์ทางพันธุกรรมของพืช แนะนำเครื่องมือในการคำนวนค่าสัมประสิทธิ์ทางพันธุกรรม คือ gencal และ GULE กลับไปต้องลองกับถั่วเหลืองแล้วรู้สึกว่ามีโอกาสสำเร็จมากขึ้น ต้องทวงข้อมูลจากทีมงานด่วน ได้รับเงินคืนแล้วเป็นเงินดอลลาร์ มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยอื่นมา ดูเขางกๆเงิ่นๆในการหาหลักฐานที่เขาต้องใช้บางอย่าง เช่น วีซ่า พาสปอร์ท เราไม่มีวีซ่าให้เขา เห็นคนอินเดียคนนี้แล้วรู้สึกถึงความอดอยากของประเทศนี้ เขาผอมบางมาก แต่แต่งตัวดีเนื่องจากมีงานที่ดีทำ ทำให้นึกถึงสภาพที่ไปเห็นผู้คนในตลาด ต่างจากผุ้คนที่ทำงานในที่นี้ หรือคนอินเดียที่มาอบรมก็ตาม ที่กล่าวถึงนี้ไม่ได้ยืนยันว่าอินเดียเป็นอย่างนี้ไปหมด พูริมาก็แสดงให้เห็นว่าแตกต่าง เสียดายที่ไม่ได้ทำความรู้จักอินเดียมากกว่านี้


ที่นี่หากเดาจากสภาพแวดล้อม คงสร้างมานานมาก แปลงปลุกพืชไม่ได้ออกไปดูเพราะมีประตูกั้น แต่มีพืชปลูกมาก ศึกษาจากข้อมูลแผนที่ที่อยุในห้องพื้นที่ทดลองก็สภาพแวดล้อมแตกต่างกันเช่น ดินสีแดง ดินสีดำ คนงานหญิงที่นี้แต่งกายด้วยชุดประจำชาติทั้งที่ทำงานในหอพักและในแปลง ไม่กวาดทางมะพร้าวใช้กวาดพื้น
ก่อนอาหารกลางวันออกมานั่งห้องนั่งเล่นพบเพื่อนข้างห้องชื่อ พูริมา เป็นคนอินเดียมาจากรัฐอื่น จำไม่ได้ว่าชื่ออะไรจำยากมาก มาทำงานวิจัยทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่นี่กับถั่วมะแฮะ แต่เขาใช้ภาษา คือ ทาลุกู เลยถามเขาว่าขอบคุณพูดอย่างไร “ไท้เนียนวาดาลู” คุยกันด้วยภาษาที่ยากหน่อยเพราะเราออกเสียงไม่ถูกทำให้เขาไม่เข้าใจ แต่เขาพยายามคุยกับเรา ทั้ง ๆที่เขามีงานต้องทำเยอะแยะ ผิดกับเราที่ไม่มีอะไรจะทำ บังเอิญกลางวันได้ทานข้าวด้วยกัน ก็เลยได้ความรู้เกี่ยวกับอาหาร วิธีการกิน เช่น แผ่นโรตีต้องกินกับแกง หรือโยเกิรต์ มื้อนี้จ่ายไป 26 รูปี กลางวัน และเย็นจึงจะมีข้าวให้กิน ความใจดีของพูริมา ทำให้เราได้มีโอกาสไปเที่ยวตลาดเมืองจันดานากะ มีสถานีรถไฟด้วย พูริมาเวลากลับบ้านก้ใช้บริการที่นี่ ผู้คนคับคั่ง รถบีบแตรเสียงดังตลอดเวลา ไม่คุ้นเคย และได้เผชิญกับขอทานอินเดียครั้งแรก โอ้ยตามติดเลย พูริมาต้องไล่ไป รถมาก เป็นรถเก่า ๆ ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะรถเมล์ ไม่มีระเบียบ ผู้คนมากมาย สกปรกขนาดเจ้าของบ้านอย่างพูริมาออกปาก เพราะที่บ้านของเธอสะอาดเป็นระเบียบ ออโตได้ทดลองนั่งแล้ว 8 รูปี ถูกมากเมื่อเทียบกับบ้านเรา ขากลับกลับรถเมล์ 4 รูปี พูริมาไม่ยอมให้เราออกค่ารถทั้งหมด เธอขอออกในส่วนขากลับ เราไม่ได้ซื้ออะไรเลย แต่ไปสดุดตาชา TATA บ้านเราจะรู้จักในเรื่องรถ นอกจากผลิตรถแล้วยังทำชาอีก ราคาซองเล็ก ๆ 29 รูปี ส่วนเธอได้ปากกาและกาแฟ 3 ซอง กลับถึง icrisat แล้วเธอยังบอกให้ล้างมือกลั้วปากด้วยน้ำร้อน เพื่อป้องกันหวัดหมูที่อินเดียใช้คำว่า swine flu เลยนะไม่เหมือนบ้านเรากลัวไม่มีใครกินหมู เสร็จแล้วก็ไปกินข้าวเย็น ไปเร็วไปหน่อยไม่ค่อยมีอะไรน่ากินเลย
วันเริ่มอบรม เจ้าหน้าที่เขามาทำงานกันสายเหมือนกัน การลงทะเบียนเริ่มต้นที่ 8 โมงเช้า ได้เจอ Naveen และ Rao คนเดิมมาร่วมการอบรมด้วย และแนะนำให้รู้จักกับผู้ร่วมงานของเขาชื่อสกุลเหมือนกัน anather Rao เขาเป็นมิตรดีทักทายและชวนเที่ยวแต่พอรู้ว่าเรากลับวันศุกร์ก็บอกว่าเสียดายโอกาสที่จะทำความรู้จักอินเดีย ซินเทียเป็นคนเปิดการอบรมและแนะนำเรากับวิทยากรเกี่ยวกับเหตุผลในการเชิญมาเข้าร่วมอบรม ดูเขาจะคาดหวังกับเรามากเกินไปในการอบรม และผู้สอนอาจพาไปไม่ถึงก็ได้ ครั้งนี้ได้รับแจกซอฟ์ทแวร์อีกแล้ว เริ่มจาก install DSSAT install R ตามด้วย install package form zip file select file from c:\DSSAT45\tool\glue\install\*.zip ทั้ง 2 ไฟล์การรู้จักสรีรวิทยาของพืชเป็นประโยชน์เช่นเคย ระดับของการจำลอง 3 ระดับแตกต่างกันในเรื่องความต้องการข้อมูลด้วย จำเป็นต้องเข้าใจหลักการนี้ก่อน แบบฝึกหัดแรก sensitivity analysis เริ่มด้วยการใช้ dos แล้วจึงมาแนะนำ tool ที่ทำให้การวิเคราะห์ sensitivity analysis ง่ายขึ้น เป็บ GUI แท้จริง ง่ายกว่าเดิมมากทานข้าวกลางวันที่เป็นไก่ 57 รุปี อาหารที่ไม่ใช่มังสวิรัสแพงมาก แต่จ่ายเงินที่นี่ขาดทุนทุกวันเลย ไม่มีเงินทอนก็ไม่ทอนเอาเลย ขาดทุนมื้อละ 4-6 รูปีทุกมื้อ ดีที่เขาช่วยค่าอาหาร ช่วงบ่ายแนะนำ Weatherman โปรแกรมช่วยเตรียมข้อมูลภูมิอากาศ แยกเป็นไฟล์ตามปีให้ด้วยเลยพร้อมตั้งชื่อตามระบบของ
ก่อนอาหารกลางวันออกมานั่งห้องนั่งเล่นพบเพื่อนข้างห้องชื่อ พูริมา เป็นคนอินเดียมาจากรัฐอื่น จำไม่ได้ว่าชื่ออะไรจำยากมาก มาทำงานวิจัยทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่นี่กับถั่วมะแฮะ แต่เขาใช้ภาษา คือ ทาลุกู เลยถามเขาว่าขอบคุณพูดอย่างไร “ไท้เนียนวาดาลู” คุยกันด้วยภาษาที่ยากหน่อยเพราะเราออกเสียงไม่ถูกทำให้เขาไม่เข้าใจ แต่เขาพยายามคุยกับเรา ทั้ง ๆที่เขามีงานต้องทำเยอะแยะ ผิดกับเราที่ไม่มีอะไรจะทำ บังเอิญกลางวันได้ทานข้าวด้วยกัน ก็เลยได้ความรู้เกี่ยวกับอาหาร วิธีการกิน เช่น แผ่นโรตีต้องกินกับแกง หรือโยเกิรต์ มื้อนี้จ่ายไป 26 รูปี กลางวัน และเย็นจึงจะมีข้าวให้กิน ความใจดีของพูริมา ทำให้เราได้มีโอกาสไปเที่ยวตลาดเมืองจันดานากะ มีสถานีรถไฟด้วย พูริมาเวลากลับบ้านก้ใช้บริการที่นี่ ผู้คนคับคั่ง รถบีบแตรเสียงดังตลอดเวลา ไม่คุ้นเคย และได้เผชิญกับขอทานอินเดียครั้งแรก โอ้ยตามติดเลย พูริมาต้องไล่ไป รถมาก เป็นรถเก่า ๆ ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะรถเมล์ ไม่มีระเบียบ ผู้คนมากมาย สกปรกขนาดเจ้าของบ้านอย่างพูริมาออกปาก เพราะที่บ้านของเธอสะอาดเป็นระเบียบ ออโตได้ทดลองนั่งแล้ว 8 รูปี ถูกมากเมื่อเทียบกับบ้านเรา ขากลับกลับรถเมล์ 4 รูปี พูริมาไม่ยอมให้เราออกค่ารถทั้งหมด เธอขอออกในส่วนขากลับ เราไม่ได้ซื้ออะไรเลย แต่ไปสดุดตาชา TATA บ้านเราจะรู้จักในเรื่องรถ นอกจากผลิตรถแล้วยังทำชาอีก ราคาซองเล็ก ๆ 29 รูปี ส่วนเธอได้ปากกาและกาแฟ 3 ซอง กลับถึง icrisat แล้วเธอยังบอกให้ล้างมือกลั้วปากด้วยน้ำร้อน เพื่อป้องกันหวัดหมูที่อินเดียใช้คำว่า swine flu เลยนะไม่เหมือนบ้านเรากลัวไม่มีใครกินหมู เสร็จแล้วก็ไปกินข้าวเย็น ไปเร็วไปหน่อยไม่ค่อยมีอะไรน่ากินเลย
วันเริ่มอบรม เจ้าหน้าที่เขามาทำงานกันสายเหมือนกัน การลงทะเบียนเริ่มต้นที่ 8 โมงเช้า ได้เจอ Naveen และ Rao คนเดิมมาร่วมการอบรมด้วย และแนะนำให้รู้จักกับผู้ร่วมงานของเขาชื่อสกุลเหมือนกัน anather Rao เขาเป็นมิตรดีทักทายและชวนเที่ยวแต่พอรู้ว่าเรากลับวันศุกร์ก็บอกว่าเสียดายโอกาสที่จะทำความรู้จักอินเดีย ซินเทียเป็นคนเปิดการอบรมและแนะนำเรากับวิทยากรเกี่ยวกับเหตุผลในการเชิญมาเข้าร่วมอบรม ดูเขาจะคาดหวังกับเรามากเกินไปในการอบรม และผู้สอนอาจพาไปไม่ถึงก็ได้ ครั้งนี้ได้รับแจกซอฟ์ทแวร์อีกแล้ว เริ่มจาก install DSSAT install R ตามด้วย install package form zip file select file from c:\DSSAT45\tool\glue\install\*.zip ทั้ง 2 ไฟล์การรู้จักสรีรวิทยาของพืชเป็นประโยชน์เช่นเคย ระดับของการจำลอง 3 ระดับแตกต่างกันในเรื่องความต้องการข้อมูลด้วย จำเป็นต้องเข้าใจหลักการนี้ก่อน แบบฝึกหัดแรก sensitivity analysis เริ่มด้วยการใช้ dos แล้วจึงมาแนะนำ tool ที่ทำให้การวิเคราะห์ sensitivity analysis ง่ายขึ้น เป็บ GUI แท้จริง ง่ายกว่าเดิมมากทานข้าวกลางวันที่เป็นไก่ 57 รุปี อาหารที่ไม่ใช่มังสวิรัสแพงมาก แต่จ่ายเงินที่นี่ขาดทุนทุกวันเลย ไม่มีเงินทอนก็ไม่ทอนเอาเลย ขาดทุนมื้อละ 4-6 รูปีทุกมื้อ ดีที่เขาช่วยค่าอาหาร ช่วงบ่ายแนะนำ Weatherman โปรแกรมช่วยเตรียมข้อมูลภูมิอากาศ แยกเป็นไฟล์ตามปีให้ด้วยเลยพร้อมตั้งชื่อตามระบบของ
แปลกที่คนอินเดียไม่ใช้โรงอาหารที่ dining hall ถาม Anupama เธอบอกว่ามี canteen อีกแห่งหนึ่ง หลังอาหารแจ้งผู้จัดการอบรมเรื่องการคืนเงินค่าเครื่องบิน …ให้คนอื่นไปแล้ว Naveen เพิ่งมาถามหา เธอก็ยังเป็น Boss เช่นเคย มากำชับ Anupama เกี่ยวกับการอบรมว่าอย่าลืมเปลี่ยนหน่วยข้อมูลภูมิอากาศด้วยภาษาอังกฤษที่แสนแย่แต่ก็มีคนพยายามคุยกับเราและฟังเราคุยเพราะต้องถามซ้ำบ่อย ๆ แต่ดีที่เขาบอกเลยเวลาไม่เข้าใจที่เราพูด เป็นภาษาอังกฤษที่แย่มาก มื้อเย็นได้ทานข้าวโต๊ะเดียวกับ Rao อีกคน เขาก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของทีม 3 Rao ก็เลยถามถึงสมาชิกในทีมว่ามีกี่คน ปรากกว่ามี 3 คน นั้นหมายถึงว่าเราได้เจอครบทั้ง 3 คนแล้ว ทีมนี้รับผิดชอบงานต่างจากทีมของ ICRIST โดยเขารับผิดชอบในการพัฒนาโปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลภูมิอากาศ และ พัฒนา model ส่วนทีม ICRIST รับผิดชอบเรื่องงานเชิงสังคมทั้งหมด เขาเน้นว่านักอุตุนิยมวิทยาเกษตรทำงานควบคู่ไปกับนักวิชาการเกษตร บ้านเราไม่ได้ทำงานใกล้ชิดแบบเดียวกับเขา เนื่องจากเราอยู่กันต่างกรมและหาโอกาสในการทำงานร่วมกันยาก ส่วนนี้เราต้องปรับปรุง คนอินเดียก็ใจดีนะ เขาเล่าให้ฟังว่าเพื่อนเขาไปเมืองไทยไม่สามารถซื่ออะไรได้เพราะว่าคนไทยพูดภาอังกฤษไม่ได้ เสียดายขาดรายได้เข้าประเทศเลย
13 ตุลาคม มาทานข้าวเช้าเจอเพื่อนชาวเวียดนาม Tei เพิ่งเจอกันที่กรุงเทพ งวดนี้เขามาอบรมเรื่องข้าวฟ่าง กลับ 18 มากับเพื่อนชาวเวียดนาม 3 คน ที่นี่มาการอบรมมาก บ่อย มีหอพักอำนวยความสะดวก คนอินเดียก็เลือกที่จะพักที่หอแทนการกลับบ้านสะดวกกว่ามากเช้านี้ลงโปรแกรมเพิ่ม dotnet เนื่องจากโปรแกรม gencal, GULE ต้องใช้จึงจะรันได้ วันที่เรียนเรื่องสรีรวิทยาเป็นหลัก และการพัฒนาโมเดล และอธิบายความเป็นมาของโมดูลย่อย ๆ ที่ใช้ในโมเดล ทั้งหมดต้องใช้ผลการศึกษาทดลองสนับสนุนจำนวนมากเพื่อให้เหตุผลว่า crop model อธิบาย phonology ของพืชได้อย่างไร สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ life cycle และ growth stage-ของพืชที่เราสนใจ การตอบสนองต่อแสงเป็นอย่างไร วันนี้เรื่องหลักก็คงเป็นการทำความเข้าใจโมเดล และการปรับแต่งค่าสัมประสิทธิ์ทางพันธุกรรมของพืช แนะนำเครื่องมือในการคำนวนค่าสัมประสิทธิ์ทางพันธุกรรม คือ gencal และ GULE กลับไปต้องลองกับถั่วเหลืองแล้วรู้สึกว่ามีโอกาสสำเร็จมากขึ้น ต้องทวงข้อมูลจากทีมงานด่วน ได้รับเงินคืนแล้วเป็นเงินดอลลาร์ มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยอื่นมา ดูเขางกๆเงิ่นๆในการหาหลักฐานที่เขาต้องใช้บางอย่าง เช่น วีซ่า พาสปอร์ท เราไม่มีวีซ่าให้เขา เห็นคนอินเดียคนนี้แล้วรู้สึกถึงความอดอยากของประเทศนี้ เขาผอมบางมาก แต่แต่งตัวดีเนื่องจากมีงานที่ดีทำ ทำให้นึกถึงสภาพที่ไปเห็นผู้คนในตลาด ต่างจากผุ้คนที่ทำงานในที่นี้ หรือคนอินเดียที่มาอบรมก็ตาม ที่กล่าวถึงนี้ไม่ได้ยืนยันว่าอินเดียเป็นอย่างนี้ไปหมด พูริมาก็แสดงให้เห็นว่าแตกต่าง เสียดายที่ไม่ได้ทำความรู้จักอินเดียมากกว่านี้
วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552
โคราชเพลี้ยแป้งที่ยังไม่หมด
ไปเยี่ยมในศวพ. นครราชสีมาแปลงมันมีทั้งเพลี้ยแป้ง และแมลงหวี่ขาว บางแปลงเขาก็เป็นงานทดลองดูความทดทานของพันธุ์ แต่เป็นที่น่าสงสัยว่าการระบาดของเพลี้ยแป้ง คนอย่างพวกเราน่าจะมีส่วนในการแพร่กระจายพันธุ์อย่างยิ่ง เพราะเราลองมุดไปในแปลงมัน หรือเดินผ่านออกมาจะเห็นขาว ๆ ติดตามเสื้อผ้า จึงน่าจะมีมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดจากการทำงานวิจัย เช่น อย่าข้ามเขตกัน ใครอยู่จังหวัดไหนก็สำรวจเฉพาะจังหวัดนั้น ๆ เขตที่มีการระบาดมาก ควรใช้คณะวิจัยคนละชุดกับที่มีการระบาดน้อย ต้นมีนแถวโคราชดูมีการทำลายที่รุนแรง เกษตรกรมช้สารเคมีพ่นกันมากพอควร "ใช้อะไรก็ไม่หาย มาหยุดเอาช่วงที่ฝนตกหนัก" เกษตรกรบอกกล่าวมา แต่พวกเราก็คิดว่ามีผลจากกาใช้สารเคมีมาก่อนทำไห้เพลี้ยอ่อนแอและตายง่ายเมื่อเจอฝนติดต่อกัน แต่อย่าวางใจต้นที่กำลังมีใบสวยงามเพลี่ยแป้งตัวเล็ก ๆ กำลังเติบโต รวมทั้งท่อนพันธุ์ที่เกษตรกรทิ่งไว้ในแปลงก็สะสมไปด้วยเพลี้ยแป้ง บางพื้นที่เกษตรกรปลูกข้าวโพดแทน ซึ่งสามารถช่วยตัดวงจรการระบาดได้แต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด แต่อยากให้มีความร่วมมือในการกำจัดให้สิ้นซากมากกว่าต่างคนต่างทำเช่นปัจจุบัน
วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ขยายเครือข่ายเกษตรกรต้นแบบมันสำปะหลัง
ได้มีโอกาสร่วมงานเสวนาการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตมันสำปะหลังเฉพาะพื้นที่ ผ่านเกษตรกรต้นแบบ: นายสม ทะนาสินธิ์ วันที่ 26 สิงหาคม 2552 ที่แปลงมันสำปะหลัง มีเกษตรกรมาร่วมงานประมาณ 100 คน มาจากเครือข่ายของลุงสมเอง และจากมหาสารคามอีกจำนวนหนึ่ง งานนี้เกษตรกรเป็นผู้จัดงานเอง ทั้งนัดเพื่อน ๆ ในเครือข่าย หาเต้นท์ เก้าอี้ ขุดหัวมันในแปลงบางส่วนไว้ก่อน และแจ้งข่าวแก่เกษตรกรที่อยุ่มหาสารคามซึ่งปีที่แล้วก็มาดูไปแล้วครั้งหนึ่ง เกษตรกรในเครือข่ายของลุงสมปีที่ผ่านมาก็นำเทคนิควิธีการของลุงสมไปใช้ บางรายก็ทำได้ดีผลผลิตเพิ่มขึ้น แต่ก็มีบางรายที่ทำได้ไม่ดีแต่ก็บอกกับผู้มาร่วมงานว่าปีนี้จะขอแก้ตัวใหม่
ปีนี้ได้ผลผลิต 15 ตัน/ไร่ เปอร์เซ็นต์แป้ง 28.7%
หน่วยงานราชการมาสนับสนุนให้สามารถจัดงานได้ราบรื่น นำอาหารมาเลี้ยง ส่วนนิทรรศการ และเชิญผู้ใหญ่มาเป็นสักขีพยานในการเก็บเกี่ยวผลผลิตครั้งนี้ ซึ่งปีนี่เป็นที่น่ายินดีเช่นกันที่เจ้าบ้านอย่างนายอำเภอมาร่วมงานด้วย
ปีนี้เน้นการปฏิบัติให้เห้นจริง มีการสาธิตเทคนิดการปลูก และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เนื่องจากว่าที่มหาสารคามปลุกมันแบบปักตรงไม่ได้ต้องเหยียบให้มิดดินไม่เช่นนั้นจะโดนปลวกกิน ลุงสมแนะวิธีการแก้ปัญหาปลวก และเทคนิคในการปักท่อนพันธุ์ เช่น ระยอง 7 ลงหัวรอบมักจะถอนยากอาจปักท่อนพันธุ์ให้เอียงเล็กน้อย
เกษตรกรที่มาร่วมงาน และรูปหมู่ของเกษตรกรจากมหาสารคาม ปีหน้าเจอกันใหม่
วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552
weather station at Chengmai Field crop research center

9 กค 52 ติดตั้งค่าในการตรวจวัดที่ศูนย์สารสนเทศ และทดสอบการสื่อสารระยะไกลด้วย GSM modem เสร็จแล้วก็ให้ผู้ติดตั้งนำไปติดตั้งที่เชียงใหม่ นัดเลือกสถานที่กับ พี่ ๆ ที่ศวร.เชียงใหม่แล้ว ก็ได้ที่กลางนา จากบ้านพี่โตสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เป็นตำแหน่งที่ติดตั้งบนถนนที่มีหญ้าปกคลุม ก็คล้ายสนามหญ้า ปรากฏว่าสามารถติดตั้งได้เลยในวันที่ 12 กค. ช่วงสาย ๆ มีเวลาให้ตรวจสอบ และนัดพี่วันชัยมาตรวจความเรียบร้อยวันที่ 21 อุปกรณ์สนาม กุญแจอยู่ที่พี่โต ศวร.ชม. เอกสารการเชื่อมต่อ 1 แผ่น ส่วนที่เหลือเอากลับศูนย์กรุงเทพ ลอง test อีกครั้งวันที่ 31 ปรากฏว่า โทรแจ้งพี่โตช่วยเปลี่ยนให้ด้วย แต่พี่โตจะเปลี่ยนให้หรือยัง แต่ช่วงนี่ยังไม่ได้ปลูกข้อมูลความชื้นในแปลงยังไม่จำเป็น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)