วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

climate ต่อ

พบปะกันกับกลุ่มที่จะศึกษา ความเปราะบาง และความสมารถในการปรับตัวของภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ซึ่งได้รับผลทางการเมืองทำให้งานวิจัยต้องรอต่อไป เนื่องจากเป็นงานวิจัยร่วมกับต่างประเทศ ราชการก็ต้องตรวจสอบ... แต่กลุ่มก็ยังใหม่สำหรับงานนี้ และการศึกษาส่วนหนึ่งเป็นงานวิจัยเชิงสังคมซึ่งจัดว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับนักวิชาการเกษตรซึ่งเรียนรู้มาทางงานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ การเลือกพื้นที่ก็ยังเป็นภาระสำหรับทีมว่าเลือกได้้เหมาะสมหรือไม่ ข้อมูลปัจจุบันยังไม่เพียงพอและกังวลว่าจะไปเลือกเอาพื้นทีีที่มีภาวะแห้งแล้งซ้ำซากและคนปรับตัวได้ดีอยู่แล้ว และอยากได้คนที่เป็นคนพื้นที่มากว่าคนที่อพยบมาจากที่อื่น ...ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมระหว่างรอ โดยกำหนดว่าน่าจะศึกษาส่วนท่่ีเบีย่งแบนจากค่าเฉลี่ยหรือค่ามาตราฐาน เราก็ถือโอกาสพักก่อนลุ้นว่าสนามบินจะเปิดใช้งานเมื่อไร

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

มีกำลังใจ

นักวิจัยของรัฐหรือคนทำงานให้ราชการทำงานอย่างตั้งใจและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ วานนี้ได้มีโอกาศรู้จักตัวตนของประโยคแรกนี้ การเป็นคนเก่งจำเป้นมากต้องมีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเห็น พร้อมที่จะแชร์ไม่ใช่มารับอย่างเดียว ทำให้มีกำลังในการทำงานอย่างมาก กลุ่มคนที่ทำงานมีหลายระดับ บางกลุ่มไม่เคยมีโอกาสได้ทำงานกับเกษตรกร สัมผัสความเป็นนักวิจัยในตัวเกษตรกร และการอยากมามีส่วนร่วมในการปรับปรุงวิธีการผลิตของเกษตรกรเอง หรืออาจเรียกได้ว่าไม่ให้โอกาศตนเอง ตอนนี้เราเองก็พยายามให้ข้อมูลอีกมุมหนึ่งของงานวิจัยลักษณะนี้ถึงแม้ว่าตนเองจะมีส่วนร่วมไม่มากนัก แต่เราก็มีโอกาสได้ใช้ความรู้ในส่วนที่ถนัดช่วยทำงาน อาจต้องปรับกระบวนทัศน์ในการทำงานใหม่บ้าง ส่วนจะทำอย่างไร คิดว่าหลายคนมีคำตอบที่มาจากความเชื่อของแต่ละคนที่แตกต่างกัน อยากเขียนถึง อ. ก้อนทองที่ขยันคิดโมเดลต่าง ๆ ในการจัดการไร่นา การวิจัยแบบมีส่วนร่วมของเกษตรกรที่คึกคักขึ้นอีกคร้งในกรมวิชาการเกษตร ทำให้เกิดเกษตรกรคนเก่ง เกาตรกรต้นแบบ และเกษตรกรมืออาชีพ รวมทั้งพี่เลี้ยงเกษตร และพวกเราพยายามผลักดันให้ใช้เครือข่ายนี้อย่างจริงจังในอนาคต และคาดหวังว่าผู้ใหญ่กว่าของพวกเราจะให้การสนับสนุน

วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ปาล์มน้ำมันที่อุทัยธานี

30 ตุลาคม 2551 ไปพบลุงช้วน ปลูกปาล์มที่อุทัยธานี หมู่ 7 ต.คอกควาย อ. บ้านไร่ 35 ไร่ และเพื่อนเกษตรกรอื่น ๆ ประมาณ 100 กว่าไร ในปั 2547 ปี 50 เริ่มเก็บผลผลิต ต้นสวยมากขนาดใหญ่ ผลผลิคช่วงนี้ ขาดคอ พันธูนำมาจากสุราษฎร์ธานี ปุก พันธุ์ปาล์ม (ไนจีเรีย) แต่ลักษณะของปาล์มแตกต่างกันมาก สีผลแตกต่างกัน ลุงบอกว่าเขามีใบรับรองพันธุ์ เดิมแปลงนี้ปลูกสับปะรดมาก่อน ปลูกระยะ 9*9 สลับฟันปลา ขนาดต้นใหญ่เติบโตดี ดินร่วนปนทราย ให้ปุ๋ยปีละ 2 ครั้ง 2 กก./ต้น ปลูกโดยอาศัยน้ำฝน เคยพ่นให้ทางกาบใบบ้าง เกษตรกรรู้จักการปลูกจากการศึกษาจาก TV ขายผลผลิต 2 บ/กก. พอใจ มีการปล่อยแมลงช่วยผสมเกษรด้วย
ที่สังเกตุเห็นคือ ผลผลิตช่วงนี้ขาดคอนานดอกตัวผู้ในทลายก่อนหน้า ประมาณ 4-5 ทะลาย แปลงปลูกเป็นที่ราบลาดเอียงเล็กน้อย ผลสีเขียวดูว่าเป็นช่อดอกตัวเมียมากกว่า เกษตรกรมีผู้มารับผลผลิตถึงแปลง หากต้องนำไปขายเองจะไปขายที่อ. หนองเสือ
ปาล์มทอด
ลุงนิตย์ บ้านอยู่ไม่หากจากห้วยขาแข้ง คันทรีโฮม รีสอร์ท นำผลปาล์มมาทอดด้วยน้ำมันใช้แล้วก่อนเก็บและส่งขาย สามารถรักษาผลผลิตไว้ได้นานขึ้น
ยังอยู่ในขั้นพัฒนา

วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551

การเลือกพันธุ์มันสำปะหลังให้เหมาะสมกับพื้นที่

ทีมงานมันมันก็ได้เวลาสรุปงาน พวกเราทำงานกันมาปีหนึงแล้วและได้ข้อสรุปที่น่าพอใจ ส่วนหนึ่งที่สามารถให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกพันธุ์มันสำปะหลังในพื้นที่ที่สนใจ ระหว่างการทำงานก็มีโทรศัพท์เข้ามาขณะที่ทีมงานประชุมกัน ถามเกี่ยวกับจังหวัดนี้ อำเภอนี้ปลูกมันพันธุ์นี้ดีไหม ปลูกต้นฝน หรือปลายฝนดี พอดีช่วงนั้นเราก็สร้างระบบงานค้นหาเสร็จเบื้องต้นก็เลยใช้ตอบคำถามได้ หลังจากนั้นก็ไปทดลอบที่ด่านช้าง สุพรรณบุรี มีผู้สนใจมาก และอยากทราบว่ามีบริการแบบนี้บนเว็บหรือไม่ พวกเราก็เตรียมการพัฒนาระบบให้บริการข้อมูลบนเว็บ และก็สามารถนำเวอร์ชั่นแรกขึ้นเว็บได้ในเดือนสิงหาคม ที http://www.doa.go.th/cassava หรือที่ หน้าแรกของเว็บกรมวิชาการเกษตร-เครือข่ายมันสำปะหลัง

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2551

แบบจำลองการเจริญเติบโตของพืช

ได้มีโอกาสอบรมการใช้ DSSAT ซึ่งเป็นแบบจำลองในการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งก็ได้เรียนรู้พร้อม ๆ กับ การทำงานในเรื่องการจำลองการการผลิตมัน ฯ ข้อมูลจริงจากงานทดลอง ทดสอบในสถานี และทดสอบในไร่เกษตรกร แบบจำลองที่มี จะทำนายผลได้แม่นยำมากแค่ไหน และ บอกทิศทางการพัฒนาการผลิตได้หรือไม่ มันฯ ปีนี้จัดเป็นพืชทอง ราคาดีมาก พลังงานก็ให้ความสนใจ เราจะผลิตพอกับความต้องการของประเทศหรือไม่
ผลผลิตบ้านเราต่ำมาก พืชนี้เคยตกเป็นจำเลยของสังคมหากยังจำได้ เพราะฉะนั้นระบบการผลิตมั้นตั้งแต่อดีตจึงเน้นดึงจากทรัพยากรที่มีอยู่ ไม่ค่อยมีงานที่เน้นการผลิตอย่างยั่งยืน ฟังจากที่เพื่อนักวิชาการในพื้นที่เล่าให้ฟัง ท่อนมันที่แจกจ่าย/ขายให้เกษตรกร จากศูนย์/สถานีท่อนขนาดแขน ประมาณ 2-3 ปีจะเหลือขยาดเท่านี้วก้อย เพราะปลูกมันฯ แล้วตามด้วยมันฯ แล้วก็ตามด้วย มัน ฯ และก็พันธุ์เดิม ๆ แทนที่จะเปลี่ยนพันธุ์บ้าง สลับด้วยพืชอื่นบ้าง ทฤษฏี limiting factor อธิบายได้ดีจริง ๆ เราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการใช้ทรัพยากร ภาครัฐควรเป็นตัวอย่างระบบการผลิตแบบยั่งยืน และคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรของคนรุ่นต่อไป
แบบจำลองของพืชจริง ๆ แล้วก็มีที่น่าสนใจหลายตัว แต่อาจเป้นเพราะไม่มีโอกาศได้ทำความรู้จัก ค่าใช้จ่ายสำหรับการได้มาก็มีความสำคัญ และยังต้องการการเรียนรู้เพื่อใช้งาน หลายคนบอกว่ามีข้อจำกัดในการใช้งาน แต่เราจะสร้างเองก็คงไม่สำเร็จ เราก็ต้องเรียนรู้จากสิ่งที่มีอยู่แล้วก่อน

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ทีมมันพัฒนาการที่เยี่ยมมาก

ประชุมทีมงานมันที่ขอนแก่น แต่ละเขตนำเสนองานในส่วนของตนเอง สวพ 2 โดดเด่นมากพัฒนาได้ไกลกว่ากลุ่มสวพอื่น ๆ คือสามารถจำลองได้ตาม SMU ที่กำหนด และนำกลับมาแสดงผลในแผนที่ได้ ให้คำแนะนำได้ ศปบ เลยก็มีกรณีศึกษาที่ดี หลากลายทั้งช่วงปลูก อายุเก็บเกี่ยว แต่ศึกษาเฉพาะที่จังหวัดเลยที่เดียว จังหวัดอื่น ๆ ยังไม่ได้นำมาเสนอ แต่เป็น case ที่สวพ 2 อยากนำไปพัฒนาต่อ เขต 5 สามารถรันแบบจำลองได้ สอนเพื่อน ๆ ได้ แต่การนำกลับมาแสดงในแผนที่ยังสับสนอยู่ เขต 4,6 ยังไม่มีเวลาลงมือทำจริงจังจึงยังรันโมเดลไม่ได้ ในกลุ่มมองเห็นปัญหานี้ จึงเสนอการจับคู่เรียนรู้เพื่อดึงกลุ่มที่ช้า ไม่ทันให้ทันกลุ่มให้ได้ การเขียนคู่มือเป็นวิธีการหนึ่งแต่ปัญหาที่เจอก็คือ อาจเขียนไม่เข้าใจสถานการณ์ที่ผู้ใช้ต้องการแก้ไข เพราะการเขียนคู่มือต้องเขียนเป็นกลาง ๆ ไว้ ไม่ได้ระบุว่าใช้กับกรณีใดเป็นการเฉพาะ แต่เขียนไว้ช่วยจำเพราะไม่มีใครจำอะไรได้ทั้งหมด และอีกหน่อยซอพท์แวร์ก็เปลี่ยนไป พอไดเมีโอกาศเรียนรู้ของใหม่ ๆ ของเก่าก็ลืม คู่มือการใช้งานจำเป็น

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ข้อมูลดาวเทียมกับงานด้านการเกษตร

การวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียม ทดลองนำมาใช้ในส้มเขียวหวานเพื่อตรวจสอบระดับความเสื่อมโทรมของสวนส้ม โดยศึกษาจากค่าการสะท้อนพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีแหล่งกำเนิดจากแสงอาทิตย์ ใช้ข้อมูลดาวเทียม spot5 การจำแนกมีทิศทางที่ดี ความสามารถในการจำแนกระดับของตัวอย่างสวนที่เสื่อมโทรมแต่ละระดับอยูในระดับ high แต่จะจำแนกได้ พื้นที่ส้มที่ให้ผลผลิตแล้วต้องจำแนกออกมาก่อน
บทสรุปจากการทำงาน
การจำแนกอาการเสื่อมโทรมของสวนส้มในพื้นที่อำเภอฝาง เป็นอาการที่แสดงออกให้เห็นได้ด้วยการสังเกตทางใบ เรือนยอด ซึ่งมีได้หลายสาเหตุ อาจเกิดจากโรคกรีนนิ่ง รากเน่าโคนเน่า ทริสเทซ่า รวมทั้งการขาดธาตุอาหาร ข้อมูลดาวเทียมที่สามารถนำมาใช้งานได้เป็นภาพที่ได้จากการถ่ายภาพในเดือนมกราคม 2006, 2007 และมีนาคม 2007 ส่วนภาพในช่วงปลายฤดูฝนมีเมฆมากไม่สามารถนำมาใช้งานได้ ดังนั้นการจำแนกอาการเสื่อมโทรมในสวนส้ม จึงใช้ข้อมูลดาวเทียมช่วงเดือนมีนาคม เพื่อหลีกเลี่ยงการแปลผลผิดพลาดเนื่องจาก สีของผลส้มในฤดูเก็บเกี่ยว การสะท้อนพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของสวนส้มที่มีความสมบรูณ์แตกต่างกัน 5 ระดับ นั้นมีความแตกต่างกันในทุกแบนด์ (อินฟราเรดใกล้ แดง เขียวและ อินฟราเรดคลื่นสั้น) รวมทั้งดัชนีพืชพรรณ NDVI (NIR-G)/(NIR+R) ที่แสดงความแตกต่างของปริมาณชีวมวลและกิจกรรมของพืช green NDVI (NIR-G)/(NIR+R)ที่สัมพันธ์กับความเข้มข้นของคลอโรฟิล แต่ความสัมพันธ์ไม่ได้เป็นเส้นตรง
ความความถูกต้องของการจำแนกระดับความเสื่อมโทรมเมื่อตรวจสอบกับข้อมูลจริงในภาคสนามจำนวน 75 ตัวอย่าง พบว่า ระดับที่จำแนกได้สูงกว่าหรือเสื่อมโทรมกว่าความเป็นจริง 1 ระดับ และสวนที่เสื่อมโทรมมาก(ระดับ 5) มีเนื้อที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากลักษณะของสวนที่มีความอุดมสมบรูณ์ในระดับนี้ ต้นส้มมีทรงพุ่มขนาดเล็ก มีอาการกิ่งแห้งจากยอด ทำให้เห็นพื้นดิน หรือพื้นที่ว่างมากขึ้น การจำแนกสวนที่เสื่อมโทรมมากจึงปะปนกันสวนส้มที่มีอายุน้อย หรือเริ่มปลูกได้ ซึ่งหากพิจารณาจากข้อเท็จจริงแล้ว อาการเสื่อมโทรมของส้มนี้มักเกิดในส้มที่ให้ผลผลิตแล้ว หากสามารถแยกพื้นที่ปลูกส้มใหม่หรือส้มเล็กได้แต่ต้นแล้ว ความถูกต้องในการจำแนกน่าจะสูงขึ้น
พื้นที่ปลูกส้มในเขตอำเภอฝางและอำเภอใกล้เคียงจัดเป็นพื้นที่ปลูกส้มผืนใหญ่ของประเทศ มีความสม่ำเสมอพอควร เนื่องจากเกษตรกรยังสามารถให้การเอาใจใส่ดูแลได้ภายใต้ต้นทุนที่จำกัด อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของระยะการเจริญเติบโตของส้มในรอบปี สภาพภูมิอากาศ การให้น้ำให้ปุ๋ยแก่พืช มีผลกระทบต่อการรับรู้ของดาวเทียม และเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาในการประยุกต์ใช้งาน ระดับที่ 4-5 เป็นระดับที่มีความสูญเสียเกิดขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากสวนเป็นโรค หรือขาดการบำรุง หรือละทิ้ง
ในการศึกษาไม่สามารถวิเคราะห์ความแตกต่างของปัจจัยทางภูมิอากาศได้เนื่องจากจำนวนสถานีตรวจวัดมีไม่เพียงพอ