วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

ฝนเริ่มตกแล้ว

วันจันทร์น้องๆ บอกว่าออกเดินทางจากกรุงเทพมาผ่านปากช่องฝนตกหนัก แต่มาถึงขอนแก่น เลยร้อนมากฝนก็ไม่ตก สัญญานเริ่มฤดูปลูกเริ่มแล้วกระมัง มาเลยวันที่ 24 เมย เย็นนั้นฝนตกมากจากเหนือสุดมาถึงภูกระดึง แต่ที่ตกมาก ๆ น่าจะถึงเมือง แต่เอราวัณไม่ตกเท่าที่ควรดินยังไม่เปียก(โทรไปถามวิษณุ)

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

ไม้ผลหลายชนิดไม่ออกดอก

ฟังข่าวปีนี้ลิ้นจึ่ที่มะขามเฒ่า นครพนมไม่ออกดอก ก็ทำนองเดียวกับทางอัมพวา หากสังเกตุปีนี้มะม่วงก็น้อย ต้นสำเนียงพืชท้องถิ่นไม่ออกดอกติดผล

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

เพลี้ยจั๊กจั่นมะม่วง

วันเสาร์ที่ 6 เมษายน 56 ที่สุพรรณร้อนมาก ตอนกลางวันเพลี้ยจั๊กจั่นมะม่วงมาเกาะที่มุ้งลวด ประตู หน้าต่างบ้านมากเป็นพิเศษ เกิดอะไรขึ้น วันอื่น ๆ ก็ไม่เห็นมาเกาะเลย

วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ระหว่างนั่งเฟอร์รี่กลับจากสมุย

สภาพแวดล้อมกับการระบาดของแมลงน่าสนใจ เกาะสมุยมีมะพร้าวเป็นพืชที่ดึงดูด มาครั้งนี้มาสำรวจติดตามหลังจากมีอะไรลงไปในพื้นที่บ้างแล้ว ก่อนหน้านี้มีการส่งแตนเบียนมาปล่อย สักประมาณ 1 เดือนแล้ว เป็นที่สังเกตว่าที่ต.แม่น้ำ ที่มีปัญหาหนอนหัวดำมาก มาครั้งนี้บางส่วนลดน้อยลง ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากฝน และอาจเพราะแตนเบียนด้วย?? ที่น่าสนใจคือสมดุลธรรมชาติ โดยปกติแมลงที่ระบาดมักไม่ใช่แมลงท้องถิ่น พอมาเจอสภาพที่เหมาะสมจึงเกิดการระบาด เมื่อเวลาผ่านไป อาจมีศัตรูธรรมชาติมาควบคุมและเพิ่มประชากร แต่อาจต้องใช้เวลา หากมีแมลงมีแมลงที่สามารถจะควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักจัดการ/นักวิชาการก็จะนำมาใช้ แมลงในท้องถ่นก็เช่น หนอนหน้าแมว เป็นหนอนร่านชนิดหนึ่ง (Darna furva) ที่สำคัญในปาล์มม้ำมัน ซึ่งระบาดรุนแรงคั้งแต่ชุมพรถึงสงขลาประมาณหมื่นกว่าไร่ จากปรากฏการณ์เอนิโญ นานประมาฌครึ่งปี แล้วก็หายไป ฝนตกมากน่าจะมีส่วนช่วยลดประชากรลง บีทีน่าสนใจในสภาพที่ฝนดีน่าจะตรวจสอบดูว่าบีทีมีอยูในหนอนที่ตายไหม การวิเคราะห์ข้อมูลน่าจะต้องการการเกษตรข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้น เช้น อุณหภูมิ ความชื้นที่ยอดมะพร้าว

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

หนอนหัวดำมะพร้าว

เพิ่งได้ทำความรู้จักหนอนหัวดำมะพร้าวไม่นานมานี้ ประมาณปลายปีที่แล้วที่กุยบุรี แม้จะทำงานทางด้านการเกษตรแต่ก็เหมือนคนนอกวงการไม่ทราบสถานการณ์หรือทราบแต่ก็ไม่ตระหนักถึงความรุนแรง ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น หากจำได้ประมาณ ปี 2547 บ้านเราก็เจอปัญหาแมลงทำลายมะพร้าวที่รุนแรงมาครั้งหนึ่ง คือ แมลงดำหนาม ทำลายมะพร้าวทั้งในระยะหนอนและตัวเต็มวัยกัดกินผิวใบอ่อนมะพร้าว (ยอดกลมที่ยังไม่คลี่เต็มที่) ทำให้มีอาการใบไหม้สีน้ำตาลหากมีการระบาดมากจะเห็นต้นมะพร้าวที่ถูกทำลายมีใบขาวโพน หรือ เรียกว่าโรค "หัวหงอก"
ความเสียหายจะรุนแรงยิ่งขึ้นในสภาพพื้นที่แห้งแล้งติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน สาเหตุที่ทำให้เกิดการระบาดแพร่ไปในบริเวณกว้างสันนิษฐานว่ามาจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ ทำให้เอื้อต่อการเคลื่อนย้ายและการเพิ่มปริมาณประชากรอย่างรวดเร็วในแหล่งที่มีอาหารบริบูรณ์และปราศจากศัตรูธรรมชาติคอยควบคุม การควบคุมครั้งนั้นใช้การควบคุมโดยชีววิธี โดยนำเข้าแตนเบียนแมลงดำหนามมาจากเวียดนาม ช่วงนั้นไม่ได้มีโอกาสเห็นพื้นที่จริง แต่จากที่ได้รับการบอกเล่ามาก็รุนแรงมาก แต่แตนเบียนควบคุมได้ผลในเวลาต่อมา
หนอนหัวดำ ผู้รุกรานรอบใหม่น่าจะมาที่ไกลมาเจอที่เหมาะสม เลยแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทำความเสียหายรุนแรงจนทำให้มะพร้าวยืนต้นตายได้ ที่รุนแรงมากก็ที่ทับสะแก กุยบุรี การควบคุมก็ทำได้ยากเพราะเขาจะสร้างอุโมงมาห่อหุ้มไว้ ตอนนี้ยังไม่มีการควบคุมที่ได้ผล รอแตนเบียนชนิดที่มีประสิทธิภาพอยู่
พื้นที่สมุยกลับพบเหตุการณ์ที่แปลกมาก คือก่อนที่พวกเราจะเข้าไปทำงานก็คาดการณ์ว่าแมลงดำหนามคงระบาดรุนแรงมาก เพราะก่อนหน้านี้เราเข้าทำงานที่กุยบุรีที่นั่น หนอนหัวดำระบาด  ภาพที่เป็นประสบการณ์ก็บอกว่าคงเป็นหนอนหัวดำ แต่หลังจากสำรวจอย่างจริงจังแล้วพบว่าที่เกาะสมุยมีแมลงศัตรู 4 ชนิดระบาด รุนแรงแตกต่างกัน
แมลงดำหนามที่เงียบหายไปหลายปี แต่พอปี 2555 พบระบาดอีกครั้งที่เกาะสมุยแต่รุนแรงน้อยกว่าครั้งก่อน ตามคำบอกเล่าของคนที่เห็นทั้ง 2 เหตุการณ์ กลายเป็นแมลงที่พบทั่วไปทั้งเกาะ พบแทบทุกพื้นที่แต่ไม่รุนแรงยกเว้นทางดานตะวันออก และด้านใต้ของเกาะ หนอนหัวดำพบรุนแรงทางตอนเหนือของเกาะ ด้วงแรดพบทั่วไปแต่เขาไม่ได้ทำให้มะพร้าวตาย แต่เขาจะเปิดช่องทางให้ด้วงงวงเข้าทำลายซ้ำจนยอดหักและยืนต้นตายในที่สุด ซึ่งมะพร้าวที่โดนด้วงงวงทำลายจะพบมากหน้าเมือง มะเร็ด และบ่อผุด ซึ่งมีขยะอินทรีย์มาก เช่น มาจากชุมชน ปางช้าง บ่อนควาย ต้องใช้หลายวิธีร่วมกันในการควบคุม และคนในเกาะสมุยคงต้องช่วยกัน หน่วยงานของเราได้ส่งแตนเบียนเข้าไปในพื้นที่เป็นระยะและอยากให้กระจายในพื้นที่ที่เป็นปัญหา ไม่อยากให้ไปทิ้งกองอยู่ที่เกษตรอำเภอ หรือเทศบาล หากทุกท่านได้รู้ว่ากว่าพวกเราจะเลี้ยวแตนเบียนออกมาได้ต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหน ต้องดูแลอย่างดี ประคบประหงม แต่ผู้รับไม่ทราบว่ากว่าจะเป็นแตนเบียน 1 ตัวต้องใช้ทรัพยากรมากขนาดไหน พวกเราเสียใจที่ได้รับคำบอกกล่าวว่าถูกทิ้งกอง  หรือปล่อยให้มดมากินอะไรทำนองนี้ การปล่อยรอบใหม่จึงอยากช่วยประชาสัมพันธ์ให้รู้ทั่วกัน เพื่อให้การควบคุมได้ผล

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ภัยพิบัติจากปัญหาการเกษตร

ภัยพิบัติจากปัญหาการเกษตร คำนี้แทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีได้ และกลายเป็นช่วงทางให้มีผู้หาผลประโยชน์ได้ ก่อนหน้าเราเคยเจอปัญหาเกี่ยวกับเพลี่ยแป้งมันสำปะหลังผนวกกับปีนั้นแล้งมากทำให้มันสำปะหลังผลผลิตไม่เพียงพอที่จะเข้าโรงงาน หลายพื้นที่ก็ใช้โอกาสนี้ในการสั่งซื้อสารเคมีจำนวนมหาสาร โดยไม่คำนึงถึงว่าสารเคมีนั้นจะมีการนำไปใช้อย่างถูกต้องหรือไม่ คำแนะนำให้นำไปแช่ท่อนพันธุ์ แต่ปรากฏว่ามีการนำไปใช้ในการฉีดพ่น และการฉีดพ่นนี้หากใช้ติดต่อกันก็จะทำให้เกิดการดื้อยาเช่นที่เคยเกิดขึ้นในข้าว เพลี้ยกระโดยสีน้ำตาลทนทางต่อยาฆ่าแมลงทุกชนิด
ยังโชคดีที่เพลี้ยแป้งมีแตนเบียนที่เก่งมาช่วยควบคุม
วันนี่เราคงเจอกับปัญหามะพร้าวราคาถูก ลูกละ 1-3 บาท  แมลงศัตรูมาก ต้นทุนเพิ่มแต่ราคากลับสวนทาง เกิดอะไรขึ้นกับพืชผลการเกษตรบ้านเรา
ตัวการน่าจะมาจากการใช้สารเคมีที่ไม่ถูกวิธี ต้องการผลเร็วแต่ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา ทำให้บางพื้นที่มีการใช้สารเคมีเจาะเข้าทางลำต้น สารอะไรก็ไม่รู้ ผลตกค้างมีแน่นอน เพราะสินค้าพวกน้ำกระทิถูกตีกลับ จากประเทศที่เขาให้ความสำคัญกับอาหารที่ประชาชนเขาใช้บริโภค ผลผลิตที่มีอยู่ในบ้านจึงถูกปฏิเสธ-แบบเหมารวม ซึ่งก็ไม่ยุติธรรม ทำให้มีการนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศมาทดแทนความต้องการ ทำให้มะพร้าวบ้านเราราคาถูกลง

บีทีปลอม
บีทีเป็นชีวภัณฑ์ที่หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ให้คำแนะนำว่าสามารถฉีดพ่นในมะพร้าวที่มีการระบาดของหนอนหัวดำได้  ชีวภัณฑ์บีทีมี 2 ชนิดคือ Bacillus thuringiensis kurstaki และ B. thuringiensis aizawai
ใช้ในอัตรา ๘๐ กรัม/น้ำ ๒๐ ลิตร พ่นต้นละ ๕-๑๐ ลิตร  จำนวน ๓ ครั้ง ห่างกัน ๗-๑๐ วัน หลังการตัดทางใบที่ถูกทำลายแล้ว และเนื่องจากเป็นสารชีวภัณฑ์บีที การฉีดพ่นให้ได้ผลดีต้องฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็นเท่านั้น ถ้าฉีดพ่นช่วงแดดแรงก็จะทำให้บีทีตาย ประสิทธิภาพการควบคุมลดลง และที่สำคัญบีทีที่มีในท้องตลาดต้องดูที่มีใบอนุญาตถูกต้อง สามารุถนำเลขที่ไปตรวจสอบกับสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตรได้ และอายุต้องไม่เกิน 6 เดือนเพื่อให้แน่ใจว่ามีปริมาณบีทีตามที่กำหนด   ช่วงเดือนที่แล้วไปประจวบมา เกษตรกรบอกว่า อบต. หรือเทศบาลหลายพื้นที่ก็ดำเนินการตัดทางใบและฉีดพ่นบีทีกันแล้ว เราก็ได้แต่หวังว่าจะเป็นบีทีที่ไม่ปลอม ช่วงนั้นดูเหมือนการระบาดของหนอนหัวดำบางพื้นที่ก็รุนแรงขึ้น บางพื้นที่ก็ควบคุมได้ดีขึ้น แต่แมลงดำหนามระบาดรุนแรงลดลง   เจอเกษตรกรรายหนึ่งมีภาพลบกับหน่วยงานที่ใช้ประโยชน์จากความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยมาสำรวจความเสียหาย-ถ่ายภาพ-แล้วนำข้อมูลไปเขียนของบประมาณ -แล้วแปลงที่ระบาดก็ไม่ได้กลับมาทำอะไร หรือทำให้เกิดการระบาดมากขึ้น เพราะว่าใช้วิธีการไม่ถูก ดูเหมือนรายนี้จะปิดประตูรวมทั้งออกแรงต้านด้วย เขาไปพึ่งพาน้ำหมักสมุนไพร-การบำรุงรักษาต้นให้แข็งแรง ซึ่งเรื่องหลังเห็นด้วยเพราะเท่าที่เห็นแปลงมะพร้าวที่กุยบุรี แปลงที่เกษตรกรให้การดูแล ให้น้ำบ้าง หรือมีพืชปลูกหลากหลายจะไม่ค่อยโดยทำลาย แปลงที่ดินชื้นๆ ถูกทำลายน้อยกว่า แต่จะทำอย่างไรกับพื้นที่ทีฝนทิ้งช่วงไปนานๆ   สารเคมีก็ถูกนำมาใช้อีกแล้วกับมะพร้าวด้วยคนภาครัฐ 2-3 วันก่อนก็ได้ทราบว่ามีการแนะนำวิธีการใหม่อีก แต่ก็ล่อแหลมต่อการนำไปใช้แต่ยังโชคดีที่ราคาแพง การเจาะลำต้นใส่สารเคมีถูกหยิบนำมาถกเถียงกันอีกแล้ว สารฆ่าแมลง emamectin benzoate ซึ่งใช้ในการเจาะลำต้นมะพร้าว ถึงแม้ในท้องตลาดจะมีหลายยี่ห้อ แต่ก็ไม่แน่ใจต่อผลตกค้างที่จะมีเนื้อมะพร้าว สารปนเปรื้อนอื่น ๆ ที่อาจจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค มีคำถามทำไมเกิดขึ้นมากมาย




แมลงศัตรูมะพร้าว

ปลายปีนี้มาเริ่มงานกับมะพร้าว จากปัญหาการระบาดของแมลงศัตรูมะพร้าวที่ดูเหมือนว่ายังแก้ไม่ถูกที่สักที ก่อนหน้านี้หลายปีมะพร้าวเคยได้รับผลกระทบรุนแรงจากการระบาดของแมลงดำหนาม พื้นที่ที่มีผลกระทบตอนนั้นมีทั้งภาคใต้ ตะวันออก และภาคกลางแมลงนี้ทำลายใบยอดอ่อนมะพร้าว ทำให้มะพร้าวแสดงอาการที่เรียกว่าหัวหงอก คือใบใหม่ ๆจะถูกทำลายก่อน และเมื่อใบแก่ใบเหล่านั้นก็จะแห้ง
แมลงศัตรูธรรมชาติเป็นพระเอกการควบคุมได้ผลดี ช่วงนั้นไม่ได้สัมผัส ไม่ได้ไปทำงานด้วยได้แต่มองดูห่าง ๆ แต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ก็ได้ทราบข้อมูลจากเพื่อนๆ พี่ๆ ว่ามีแมลงศัตรูชนิดใหม่มาอีกแล้ว  เรียกว่าหนอนหัวดำ รุนแรงกว่าแมลงดำหนามเพราะหากรุนแรงก็ทำให้ยืนต้นตายได้
หนอนหัวดำ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Opisina arenosella Walker มีผู้รายงานว่าพบการระบาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน 2551 ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ปทุมธานี นนทบุรี นครสวรรค์ และศรีสะเกษ และเมื่อสำรวจเพิ่มเติมจนถึงเดือนกรกฎาคม 2553 พบว่าแมลงชนิดนี้ระบาดเพิ่มขึ้นอีก 2 จังหวัด คือ นครราชสีมา และอุทัยธานี และมีแนวโน้มระบาดเพิ่มขึ้น แมลงชนิดนี้ลงทำลายในพืชอาศัยหลายชนิด เช่น มะพร้าว ตาลโตนด กล้วย กะพ้อ และปาล์มประดับอื่น ๆ อีกหลายชนิด
ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืน ลำตัวแบน ยาวประมาณ 1.0-1.2 เซนติเมตร ปีกมีเกล็ดสีเทาเงินปกคลุม ปลายปีกมีสีเทาเข้ม กลางวันมักเกาะนิ่ง หลบซ่อนอยู่ใต้ใบมะพร้าว หรือในที่ร่ม โดยที่สำตัวติดกับผิวพื้นที่ใบที่เกาะ แม่ผีเสื้อวางไข่ในใบพืชที่เป็นรัง หรืออุโมงค์ที่ตัวหนอนสร้างไว้ ระยะหนอนที่ยาวนาน 32-48 วัน ทำให้การทำลายรุนแรง ใบแก่หรือเนื้อเยื่อพืชที่มีสีเขียวจะถูกกัดกินผิวใบจนเหลือแต่ก้านใบ

การป้องกันกำจัดยังมีเพียง การตัดใบที่มีหนอนลงทำลาย นำไปเผาทิ้ง  และพ่นด้วยชีวภัณฑ์ Bacillus thuringiensis kurstaki  และ B. thuringiensis aizawai รวมทั้งการใช้แตนเบียนปล่วยเพื่อช่วยควบคุม
แตนเบียนที่บ้านเรามีอยู่ยังไม่มีประสิทธิภาพในการควบคุมเท่าที่ควร การนำเข้าแตนเบียนจากต่างประเทศก็เป็นสิ่งจำเป็นแต่คงต้องรอการศึกษาผลกระทบด้านต่าง ๆ และการพิจารณาจากเกี่ยวกับการกักกันพืช เพื่อให้อนุญาตนำมาใช้ในแปลงจริงได้

ผู้เขียนเองก็รออยู่เหมือนกัน ลุ้นว่าเมื่อไร และประสิทธิภาพเขาจะคุมการรอคอยไหม