วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

มหกรรรมพืชสวนเฉลิมพระเกียรติ์ 2011

อีกครั้งที่เชียงใหม่ได้โอกาสจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก บนพื้นที่เดิมจากการจัดครั้งก่อน แต่มีบางส่วนเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ต้นไม้ที่ปลูกลงดินครั้งนี้จะสวยกว่าครั้งก่อนเพราะมีเวลาปรับตัวและเจริญเติบโตในบ้านใหม่ที่ใหม่ โครงสร้างเดิมถูกนำมาใช้เกือบทั้งหมด มีประเทศใหม่ๆ องค์กรในประเทศใหม่ ๆ เข้ามาร่วมจัดงาน สำหรับคนทำยางที่ประทับใจก็น่าจะเป็นสวนยางซึ่งจัดได้กว้างใหญ่ ครอบคลุมเนื้อหาตั้งแต่การปลูก การกรีด และการทำเป็นผลิตภัณฑ์ เหมาะสำหรับคนที่กำลังคิดจะทำยาง ปลูกยางอยู่ และยังอยากหาความรู้เพิ่มเติม พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมหรือได้ฝึกของจริงด้วย หน่วยงานยางโดยเฉพาะของสถาบันวิจัยยางมากันเต็มที่มาพูดคุยกับคนยางจริง ๆ ได้เลย สามารถมาหลบแดดในส่วนแสดงของยางได้ เด็กๆก็ชอบที่จะไปทำงานฝีมือ

เด็กๆ กำลังหัดทำงานฝีมือจากใบยางพารา




เลยหาเวลาไปดูสวนยางที่เวียงแหงเป็นยางเริ่มเปิดกรีดแล้ว เจ้าของสวนทำระบบให้น้ำไว้ด้วย สวนนี้ยางยังไม่ได้ขนาดตามมาตราฐานของสถาบันวิจัยยางที่จะเปิดกรีดได้ต้องมีเส้นรอบวงเกิน 50 ซม.ที่ระดับความสูงจากพื้นดิน 150 เมตร และเป็นที่สังเกตว่าต้นยางในแปลงจะโน้มลง อาจจะด้วยเหตุผลที่มีลมแรงหรือเหตุอื่นใดก็ตาม ยางพาราดูจะเป็นความหวังไหม่ของเกษตรกรทางภาคเหนือไปแล้ว ข้อเสียของการกรีดยางไม่ได้ขนาด คือ มีดกรีดจะกินเปลือก เนื่องจากยางเล็กเปลือกบาง โอกาสที่จะกรีดลึกถึงเนื้อไม้จึงมีมาก ทำให้เปลือกที่ผ่านการกรีดแล้วเจริญเติบโตมาทดแทนมีผิวเปลือกไม่เรียบหรือหายไปเป็นช่วง ๆ กรีดยาก และสิ้นเปลืองเปลือกเร็ว

มีบูทหนึ่งที่น่าสนใจและคณะผู้แสดงตั้งใจมาก คือ ของทรัพยากรน้ำบาดาล เจ้าหน้าที่ยินดีให้คำอธิบายทุกขั้นตอนที่แสดงเกี่ยวกับการพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นมาใช้งาน ถ้ามีเวลาลองเยี่ยมเยียนกัน













วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ยางพาราภาคเหนืออีกที

ช่วงน้ำท่วมกรุงเทพ ทำให้คนกรุงเทพต้องปรับเปลี่ยนวิถ๊ชีวิตประจำวันใหม่ ปกติมักชอบนั่งทำงานที่ทำงานมีนจนมืดจนค่ำ ต้องหันกลับมาสายบ้าง กลับเร็วขึ้น ต้องหันมานั่งรถเมล์ เพราะรถยนต์ที่เคยขับเอามาใช้ไม่ได้ เกษตรบางเขนวันนี้น้ำแห้งแล้ว มาทำงานได้ปกติ แต่การเดินทางมายังไม่สะดวก รถเมล์ยังวิ่งไม่ได้ทุกสาย หรือไปได้ทางจำกัด สัปดาห์นี้ก็ต้องช่วยตัวเองมากขึ้น เพราะไม่มีรถบริการจากจุดต่าง ๆ เข้ามาแล้ว ยังคงมีบ้างจากประตูกรมส่งเสริมและ ประตู 1 เข้ามาในหน่วยงาน เมื่อวานไปดูรถจักรยานที่จอดไว้ประตูวิภาวดีที่แห้งแล้ว แต่รถจักรยานเต็มไปด้วยคราบมีรอยท่วมมิดรถ ต้องรอทำความสะอาด เป็นปีแรกที่กรมวิชาการเกษตรน้ำท่วม
น้ำท่วมปีนี้ก็เป็นโอกาสดีที่ได้ไปดูสวนยางที่ภาคเหนือ ที่หลายพื้นที่เขากรีดกันหน้าที่ 2 แล้วก็มี ที่ตื่นเต้นมากน่าจะเป็นที่อำเภอภูซาง ยางพารามากมีกันแทบทุกบ้าน แล้มีการกรีดกันมาลายปีแล้ว เห็นเกษตรกรมีความสุข มีผลผลิต ขายได้ราคา แต่ที่ไม่เปิงใจน่าจะเป็นที่ยุงเยอะมาก เนื่องจากสวนยางทำให้เกิดร่มเงาเป็นบริเวณกว้างเป็นที่อยู่อาศัยของยุง เกษตรกรมีประสบการณ์ในการดูแลสวนแตกต่างกัน มีเทคนิดในการเพื่มผลผลิตแตกต่างกันมาก

เกษตรกรใช้นิ้วจุ่มดูเปอร์เซนต์เนื้อยางที่น้อยลง
การไปช่วงนี้ทำให้เห็นว่ายางหน้าหนาวหากกรีดจะหยุดไหลช้า และช่วงนี้เป็นช่วงที่มีเนื้อยางน้อย คือเป็นน้ำมากกว่าเนื้อเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำยางช่วงอื่น ๆ ของปี ช่วงที่เป็นดอยจะมีน้ำน้อยกว่าช่วงที่เป็นที่ลุ่ม ซึ่งก็อธิบายได้ไม่ยากตามความชื้นในดินที่มีในแต่ละพื้นที่ที่ปลูกยาก หากมีมากน้ำยางจะมีน้ำมากกว่าจนกว่าระดับน้ำ-ความชื้นในดินจะลดลง ดังนั้นในช่วงนี้หากเกษตรกรกรสังเกตุเห็นว่าย้พยางเหลว แข็งตัวช้าให้ผสมน้ำยางในสัดส่วนที่มากขึ้นกว่าน้ำเวลาทำยางแผ่น เกษตรกรบางรายให้ข้อสังเกตุว่าหากน้ำอุ่นจะทำให้ยางแข็งตัวเร็วกว่า
มีที่น่าห่วงคือการกรีดและการรักษาหน้ากรีดยาง บางรายทำได้ดี หน้ากรีดสวย หน้าไม่แห้ง ไม่มีรอยกรีดลึก เกษตรกรให้ข้อสังเกตุช่วงนื้เปลือกพัฒนาได้เร็ว

หน้ากรีดที่กรีดได้สวย น้ำยางมากในช่วงนี้แต่เนื้อยางต่ำ
ส่วนที่หน้ากรีดแย่ ๆ ก็มีมาก แถมกรีดยางต้นเล็กอีกต่างหาก เรื่องนี้ห้ามกันยาก การกรีดยางต้นเล้กจะทำให้อายุของต้นยางที่จะสามารถกรีดได้สั้นลง เนื่องการกรีดยางต้นเล็ก เปลือกจะบางมีโอกาสที่จะกริดลึกเลยเปลือกมีมาก น้ำยางก็ได้น้อย เกษตรกรที่ดูเลสวยสวย ๆ นี้ บอกว่าสวนตัวเองจะกรีดยางต้นโตกรีด 1/3 ต้นก็พอ แต่หากต้องกรีดจริง ควรกรีดที่ระดับต่ำลงมาเพราะการเปิดกรีดที่ 150 ซม กับต้นยางเล็กเปลือกจะบาง และอีกประการหนึ่งควรจะป้องกันการชะล้างหน้าดินในแปลงที่มีพื้นที่ลาดเท ควรมีสิ่งปกคุมดิน เช่วนในยาง เศษกิ่งยางที่ล่วงหล่นไม่ควรกวาดออกหรือเผา ควรให้คลุมดินไว้ หากทำได้ให้ไถกลบลงดินบ้างนอกจากจะทำให้ดินอุดมสมบรูณ์แล้วยังช่วยให้การซึมซาบน้ำลงดินดีขึ้นด้วย หรือทำเป็นจุดชลอน้ำไม่ให้ไหลบ่าทันที ให้ไหลลงดินบ้าง

นอกจากไปดูสวนชาวบ้านแล้วยังมีโอกาสไปดูสวนของนักลงทุนอีก (ขอขอบคุณที่เจ้าของอนุญาตให้เข้าชม) เขาปลูกยาง 1 ปี โตมาก ๆ ด้วยให้น้ำจากบ่อที่เลี้ยงหมูอยู่บนบ่อทุกสัปดาห์ ทำให้ยาง 1 ปีต้นสูงมากใหญ่มาก ดูรูปเอาเองเลย

ยางต้นนี้เป็นยาง RRIM 600 อายุปีเศษเทียบกับคนตัวโตๆ เห็นถึงศักยภาพของการเจริญเติบโต แต่ในปีต่อ ๆ ต้องรอดู มีผู้ให้ข้อสังเกตุว่าปีต่อไปน่าจะขยายขนาดของต้น แต่ทรงต้นจะเป็นอย่างไรจะพยายามติดตาม

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พฤศจิกาน้ำท่วมกรุง

ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพได้ยาวนานขนาดนี้ โดยเฉพาะเขตปริมณฑลที่ขังยาวนาน ปริมาณน้ำจำนวนมากเขาเดินทางใช้เวลานาน แต่ก็ด้วยการคากการณ์ที่ผิดพลาดทำให้กรุงเทพและปริมณฑลเป็นฝ่ายตั้งรับน้ำที่เขาเรียกว่าก้อนใหญ่ ปริมาณขนาดใหนไม่สามารถคาดเดาได้ หรือไม่ก็ไม่กล้าประเมิน ช่วงต้นเดือนพ.ย.เดินทางไปทางเหนือกำแพงเพชรน้ำลดลงมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน นำที่มากเหล่านั้นไม่มีใครคิดจะกักเก็บไว้ใช้ ไม่มีหน่วยงานใดคิดจะนำมาใช้ประโยชน์ เพราะว่าปีนี้น่าจะแล้งตามมาติด ๆ น้ำฝนทั้งหมดที่ตกลงมาในบริเวณภาคเหนือในรอบปีที่ผ่านมามากกว่าค่าปกติ จึงทำให้มีปริมาณน้ำที่ไหลลงล่างมีมากน้ำในเขื่อนทางตอนบนจึงมีรายงานว่ารับน้ำไว้เต็มหรือเกือบเต็มความสามารถของเขื่อน ซึ่งต่างจากภาคตะวันตกที่ปริมาณน้ำฝนปีนี้น้อยกว่าปกติ ทำให้เขื่อนทางด้านตะวันตกไม่มีน้ำ
2 เดือนที่น้ำใช้เวลาเดินทางจากทางเหนือลงสู่กรุงเทพ พร้อมทั้งทำความเสียหายกับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และที่อยู่อาศัยจำนวนมาก คงมีคำถามอยู่ในใจผู้คนมากมายว่าหน่วยงานของรัฐทราบข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการจัดการกับน้ำนี้หรือไม่ ผู้รับผิดชอบโดยตรงทราบหรือไม่และได้ใช้ข้อมูลเหล่านั้นมาช่วยในการตัดสินใจหรือไม่
ดอนเมือง เกษตร กลายเป็นที่ลุ่มรับน้ำ ไม่ดอนเหมือนชื่อเลย ช่วงนี้น้ำจะระบายออกได้คือลงทะเล ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม แต่ถ้าคิดต่างไป หลาย ๆ กิจกรรมตั้งใช้น้ำ ถ้าเราช่วยกันนำน้ำ หรือสูบใส่รถบรรทุกน้ำไปใช้ เช่น ทำความสะอาดถนน บ้านเรือน รถน้ำต้นไม้ ซึ่งมองไปหลายที่ก็เริ่มเหี่ยวแห้งแล้ว หรือแม้แต่สูบกลับขึ้นไปทางเหนือบ้าง ก็น่าจจะดีกว่าให้มีทางเลือกอยู่ทางเดียวที่ให้ลงทะเล ช่วงนี้หลายพื้นที่เริ่มน้ำลด เราก็เข้าไปล้างทำความสะอาดด้วยน้ำที่ท่วมนั้นแหละก่อนเป็นระยะจะได้ไม่ต้องออกแรงขัดมากเมื่อน้ำแห้ง ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุกคน

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พฤศจิกาอ่วม

น้ำฝนปีนี้มากช่วงปลายปีทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่มาก ๆ ที่ที่ไม่เคยมีปัญหาน้ำท่วมมาก่อนก็เกิดน้ำท่วม รุนแรงมากน้อยแตกต่างกัน ซึ่งคราวนี้คนกรุงเทพและรอบข้างเจอแบบไม่สามารถใช้ชีวิตแบบปกติได้ ต้องอพยบกัน เก็บของขึ้นที่สูง ยอมรับกับมัน บางคนโชคดีมีหลายบ้านจึงสามารถย้ายตัวเองมาอยู่ต่างจังหวัดซึ่งปลอดภัยกว่า และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่ต้องยุติงานหรือกิจกรรมที่ไม่สามารถทำได้ไป จะช่วยลดปัญหาที่หน่วยงานต่าง ๆ ต้องคอยมาช่วยเหลือลงไป
ประมาณการณ์ต่าง ๆ ดูตำกว่าที่เป็นจริงหรือเกิดคาดมากก ภาครัฐจึงไม่ประสบผลสำเร็จในการสกัดกั้น หรือจัดการน้ำจำนวนมหาศาลนี้ได้ น้ำจำนวนมหาศาลนี้มาจากไหน ยังคงต้องการคำตอบ เมืองไทยมีคนเก่งก็มากแต่ไม่สามารถนำความรู้ และข้อมูลต่าง ๆ มาใช้จัดการอย่างได้ผล มีแต่ความล้มเหลวซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ราชการก็หยุดงาน เพราะโดยสภาพทำงานไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้วหลายหน่วยงานมีหลายแห่ง น่าจะพิจารณาย้ายที่ทำงานพร้อมอพยบคนได้ด้วย งานที่ต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่นจะได้สามารถดำเนินต่อไปได้ จนปัจจุบันน้ำยังไม่ลด และเคลื่อนที่ไปทำความเสียหายระหว่างเส้นทางไปเรื่อง ๆ เหตุการณ์นี้ถูกจงใจให้ไปทางใดทางหนึ่ง ปกป้องทางหนึ่งด้วยเหตุผลที่สมควรแก่เหตุหรือไม่ ถนนที่แบ่งเขตสร้างความแตกต่างในสังคมมาก ใครที่มีสิทธิพิเศษก็ได้รับการปกป้อง หากเราปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเราน่าจะพ้นวิกฤตินี้ไปแล้ว
หน่วยงานที่ได้รับน้ำท่วมก็ไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้สะดวก ถ้าจะไปจริง ๆ ก็ไปได้ แต่ต้องใช้ความพยายามมาก เวลามาก และก็คงไม่มีสมาธิทำงานด้วย การทำงานณ.ที่ใด ๆ ก็ได้น่าจะนำมาใช้ได้ดีกว่าปล่อยเวลาไปเลย หรือไปทำงานในที่ที่อื่นเพื่อให้ทำงานได้ งานต้องดำเนินต่อไป ถ้ามาเศร้าซึมกับเหตุการณ์นี้ไปหมดก็คงหดหู ไม่ได้งาน เสียโอกาสด้วย
อยากให้ทุกคนยอมรับ สอนให้เด็ก ๆ เห็นความสนุกสนานจากน้ำท่วมบ้างไม่อยากให้เด็กรุ่นนี้ซึมเศร้ากับเหตุการณ์อย่างนี้

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตุลาหนักกว่า



ตุลาคมน้ำจำนวนมากๆๆจากฝนที่ตกในที่ที่ต่างไปจากปีก่อน ๆอาจเป็นอิทธิพลของการเลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมด้วย เป็นที่สังเกตุว่าปริมาณน้ำท่วมเกิดขึ้นในพื้นที่ที่ไม่เคยมีน้ำท่วมมาก่อน เกิดขึ้นหลายแห่ง จากพี่แจ๋วยังบอกว่าบ้านที่อุทัยไม่เคยมีน้ำท่วมหนักขนาดนี้ ในชั่วอายุของผู้เป็นแม่ ลุ่มน้ำสะแกกรังเป็น 1 ใน 25 ลุ่มน้ำก็เจอปัญหาน้ำท่วมมาในปีนี้ สุพรรณบุรีจะน้ำท่วมได้เนื่องจากการผันน้ำจากเขี่อนเจ้าพระยา เพราะว่าปริมาณน้ำจากฝนตกในพื้นที่มีน้อยมาก หลายพื้นที่ก็มีน้ำท่วมเป็นประจำทุกปีเป็นพื้นที่ซ้ำซาก เช่น บางปลาม้า แต่เป็นพื้นที่ทุ่งนาจึงไม่มีใครเดือดร้อนนักยกเว้นคนทำนาที่ต้องปล่าช้าไป หรือต้องพักไปโดยปริยาย รอให้น้ำลด เพราะน้ำในบริเวณนี้ลดช้ามาก การใช้ถนนเดินทางผ่านสายเอเชียทำไม่ได้ เนื่องจากน้ำท่อมทางในเขตบางปะหัน การเลี่ยงการจราจรมาทางสายสุพรรณบุรัทำให้การจราจรติดขัดโดยเฉพาะวันแรก ๆ น้ำท่วมครั้งนี้ทำให้คนสุพรรณบางคนหงุดหงิด ที่กลายเป็นจำเลยของสังคม ที่น้ำไม่ท่อมย่านตัวเมื่อง แต่ถ้ามาดูพื้นที่จิง ๆ แลเวปีนีน้ำมากกว่าปี 2549 ที่น้ำท่วมเมืองสุพรรณอีก ด้วยน้ำมหาศาลในทุกพืนที่ ก่อนนี้เคยคิดว่าหากเรามีการเก็บกักน้ำเป็นระยะด้วยการทำแก้มลิง หรืออ่างเเก็บน้ำขนาดเล็ก ทั้งเป็นของไร่นาเอง ของชุมชน น่าจะช่วยได้ การขุดลองหนองคลองบึงโดยเฉพาะบึงบรเพ็ดควรทำ เพื่อชลอไม่ให้มวลน้ำไหลลงเจ้าพระยา แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้ว เราต้องพร้มที่จะเผชิญกับการที่น้ำท่วมได้ตลอดเวลา ไม่ไว้วางใจการบริหารจัดการจากภาครัฐ ก็ถือเป็นการซ้อมใหญ่

อย่างไรก็ตาม การทำแก้มลิง หรืออ่างเเก็บน้ำขนาดเล็ก ทั้งเป็นของไร่นาเอง ของชุมชน รวมทั้งการขุดลองหนองคลองบึงควรทำอย่างยื่ง เพราะปริมาณน้ำที่ตกมาหากระบายทิ้งทะเลทั้งหมด หน้าแล้งนี้เราคงต้องเจอกับภัยแล้ง เหมือนคำพูดว่าพอหมดน้ำท่วม ก็แล้งปั๊บ การให้ชุมชนมามีส่วนช่วยในการบริหารจัดการน้ำจะดีกว่าเนื่องจากชาวช้าน ชุมชนรู้จักพื้นที่ การมาและไปของน้ำในพื้นที่ดี





วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

น้ำท่วมเดือนกันยายน 2554

ไปติดตามเพลี้ยแป้งช่วงนี้ ไม่น่าเชื่อว่า..เจอด้วย!! เป็นเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังสีชมพู เริ่มจากจังหวัดเลย ก่อนและระหว่างเดือนทางก็มีฝนตก ปกติจังหวัดเลยไม่มีปัญหาการระบาดของเพลี้ยแป้งเพราะไม่มีการปลูกข้ามปี ไม่มีการขนท่อนพันธุ์จากแหล่งอื่นเข้ามมาในพืนที่ แต่เพิ่งช่วงแล้งที่ผ่านมา หรือต้นปี 2554 มีรายงานการระบาดในพื้นที่ ที่เหล่าใหญ่ จังหวัดเลย สอบถามก็ทราบว่ามีการนำท่อนพันธ์จาก อ. เสิงสาง นครราชสีมาเข้ามาในพื้นที่ และมีการปล่อยแปลงทิ้งไว้ข้ามปี ทำให้เป็นแหล่งแพร่ขยายของเพลี้ยแป้ง ยอดหงิก
กันยายนทุกพื้นที่ได้รับฝนมาก แต่หากเข้าไปตรวจดูในแปลงเราก็ยังพบเห็นเพลี้ยแป้งสีชมพูอยู่ประปลาย แต่ที่ประหลาดใจกว่า คือพบมัมมี่เพลี้ยแป้งมันสำปะหลังสีชมพูทั้งที่อ.ภูกระดึง และอ. เอราวัญ คุณใหญ่-ผู้นำทางบอกว่าเขาเอามาปล่อยเดือนมิถุนายน
ซึ่งทำให้ต้องเฝ้าระวังอยู่หากช่วงหมดฝนก่อนเข้าแล้งยังเห็นเพลี้ยแป้งสีชมพูอยู่ก็ไม่น่าไว้ใจ เพราะเขาขยายพันธุ์ได้เร็วในช่วงที่อากาศร้อนและแล้ง พื้นที่นี้ยังไงก็ต้องเฝ้าระวัง แม้จะมีแตนเบียนอยู่แต่ก็เกรงว่าจะขยายพันธุ์ได้ไม่ทันกันต้องมีการปล่อยเสริมหรือไม่??
ที่เลยผู้คนตื่นตัวกับน้ำมาก มาดูน้ำกันใหญ่ ตั้งแต่ตอนเย็นที่ 12 ตอนเช้าก็แวะกินข้าวเช้าในตลาด เขาชี้ให้ดูระดับน้ำเมื่อครั้งก่อนที่ท่วม สูงเกือบเมตร งั้นปีนี้ก็ไม่เท่าไร
เดินทางต่อไปที่กำแพงเพชร เข้าพื้นที่อ.เมืองก็ดูเหมือนฝนตกปกติไม่มีพื้นที่น้ำท่วม เนื่องจากพื้นที่แทบนี้อยู่สูงเป็นลอนลาด ดินร่วนปนทราย ทรายปนร่วนระบายน้ำดี พบเพลี้ยแป้งสีชมพูจำนวนน้อย ๆ ในต้นที่ไม่แข็งแรง สีเขียวก็มีมากแต่น้อยกว่าเดือนก่อน อาจถูกฝนชะไปจึงเหลือที่ตัวที่สะอาด
ลงมาทางคลองคลุงพื้นที่แถบนี้เริ่มเห็นน้ำท่วมบ้าง และร่องรอยที่น้ำหลากผ่านไปและน้ำลดระดับไปแล้ว น้ำที่นี้น่ากลัวมาเร็วหายเร็ว แปลงมันฯที่นี้พบเพลี้ยแป้งสีเขียวมากกว่าที่อ. เมือง แมลงหวี่ขาวพบตามใต้ใบล่าง ไม่มีใครบ่นถึงเพลี้ยแป้งเลย
เลยลงไปบ้านช้างคับไม่แน่ใจว่าเดินทางได้หรือไม่ เพราะชาวบ้านบอกว่าน้ำท่วมทางรถเล็กเข้าไม่ได้ เลยต้องอ้อมไปเข้าอีกทาง แจ้งข่าวลุงมนัสเรื่องการเตรียมการปล่อยแตนเบียนช่วงแล้งที่จะมาถึงนี้ .. แต่ปีนี้จะมีช่วงแล้งไหม
กำแพงเพชรก็ยังไม่น่าไว้ใจ ต้งเฝ้าระวัง คราวนี้ไม่เจอแตนเบียนเลย
กลับออกจากคลองลานน้ำท่วมทางมาก คิดไม่ถึงว่าจะท่วมมาก แต่ถ้าสังเกตุให้ดีท่วมเฉพาะทางร่องน้ำ พื้นที่นาได้รับการป้องกัน ยกเว้นบางที่ที่ไม่มีคันกั้นน้ำ-ถนนช่วย ต้องลุ้นว่าจะขับนถผ่านไปได้หรือไม่เพราะน้ำระดับสูงมาก
เดินทางกลับผ่านพื้นที่หลากหลาย การกั้นน้ำ การรับน้ำของแต่ละพื้นที่แตกต่างกันมาก อดีตเราเจอแต่เรื่องแย่งน้ำกันถึงขั้นเอาชีวิต ปัจจุบัน ก็แก่งแย่งกันแต่เป็นอีกมุมหนึ่ง แล้วใครละจะเป็นผู้ประสานผลประโยชน์ หากประเมินจริง ๆแล้วปีนี้น้ำไม่มากแต่ทุกคนกั้นย้ำกันหมด คนที่ไม่มีแรงก็ต้องรับชะตากรรมไป แต่ไปบางที่พื้นที่น่าจะรับน้ำได้หากให้น้ำระบายไปบ้างหลายพื้นที่คงไม่เดือนร้อน ที่สำคัญน้ำที่เป็นต้นทุนนี้ไม่มีใครอยากเก็บ ในหน้าแล้งเราอาจต้องจอกับปัญหาขาดแคลนน้ำอีก น่าจะช่วยกันกักน้ำไว้เป็นระยะ จะเป็นแก้มลิง หรือฝายเล็ก ๆ ก็ได้ นอกจากจะมีน้ำใช้ในช่วงแล้งแล้ว ยังเป็นการบรรเทาไม่ให้มวลน้ำไหลลงในพื้นที่ต่ำพร้อมกันจำนวนมาก ๆ คนข้างล่างจะเดือนร้อนมาก
ผู้เขียนเป็นคนสุพรรณจึงนึกถึงเหตุการณ์ที่น้ำท่วมสุพรรณบุรี ปี 2549 ตลาดเทศบาลเมืองสุพรรณน้ำท่วม ต้องนั่งรถสูง ๆ ของทหารมาบริการรับส่ง ปีนี้มีการสร้างเขี่ยริมน้ำทำให้แม่น้ำท่าจีนช่วงเทศบาลดูแคบ แต่เขาก็ช่วยได้เรื่องแนวป้องกันน้ำท่วมในเขตเทศบาล ปีนี้ยัง
ต่อไปเราคงเจอปัญหาการแก่งแย่งกันเข้าถึงทรัพยากรเหล่านี้ ใครจะเป็นผู้ได้เปรียบ - เสียเปรียบ ลองมองหาพ้นที่ที่จะเป็นแก้มลิง ที่กักน้ำ หรืที่ชลอการไหลของน้ำ การแบ่งปันและบรรเทาความเสียหาย จุดไหนที่พอดี

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เวียดนามกรกฎาคม 54

20 กค 54 เช้าเดินทาง กว่าจะถึงที่พักก็เที่ยง การเข้าประเทศนี้ไม่ต้องใช้เอกสารใด ๆ คนไทยไม่ต้องใช้วีซ่า ประหยัดทรัพยากรดีจังเลย แต่รอกระเป๋านานมาก จนคิดว่าไม่ได้เอามาเสียแล้ว
มีเวลาน้อยในการเตรียมตัวสำหรับการเดินทางครั้งนี้ ต้องเตรียมงานเอกสาร โปสเตอร์ และ presentation ไม่ค่อยมีเวลาหาข้อมูลอะไรมากเกี่ยวกับเวียดนาม รู้แต่ว่าเป็นคู่แข่งในการผลิตพืชผลเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะข้าว มาครั้งนี้ที่ฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม ทางโครงการเลือกเป็นที่ประชุมสรุปงานสำหรับทุกประเทศที่ร่วมงานกันมา คุณชินดี้ก็มาด้วย งานนี้เหมือนกับการประชุมหลายประเทศมากกว่าการประชุมผู้มีส่วนได้เสียของเวียดนาม ซึ่งต่างจากบ้านเราที่เราให้ความสำคัญกับคนของเรามากกว่า แต่ก็มีประธานร่วมอีก ทางเจ้าภาพเขาจัดให้มีบรรยากาศกันเองห้องประชุมไม่ใหญ่




บรรยากาศก่อนเรื่มประชุม วันแรกช่วงเช้าก็รายงานส่วนของเวียดนามก่อนเลย พอช่วงบ่ายก็ถึงคิวแต่ละประเทศ เราเสนอเองด้วยความเกร็งและกังวลเรื่องภาษา แต่ก็เน้นพูดช้า ๆ ชัด ๆ ทำสไลด์โปร่ง ๆ ไม่แน่นด้วยตัวหนังสือ ใช้เวลาประมาณ 12 นาทีก็เสร็จคนอินเดีย ศรีลังกายังชมว่าดีเลย คือ นำเสนอได้ครอบคลุมดี ตอนหลังจึงรู้ว่าเขาสนในงานวิเคราะห์VI ระดับครัวเรื่อน แต่ตัวเองก็ได้รับบทเรียนว่าต่อไปต้องหัดชื่นชมตัวเองบ้าง...และไม่ลืมว่างานที่เรานำเสนอนั้นเรารู้ดีที่สุด

วันแรกทางผู้บริหารโครงการก็สรุป และเน้นว่าแต่ละประเทศมีข้อดีอะไรบ้างที่น่านำมาอวดกัน ศรีลังกาได้รับการชื่นชมมากในการศึกษาทางด้านส้งคม ไทยเราก็มีควันหลงจากการประชุมที่รามาฯ การฟังเสียงจากรากหญ้ามีความสำคัญ และการศึกษาได้เรียนรู้อะไรบ้างจากชาวบ้าน ก็การเป็นเรื่องกดดันว่า วันรุ่งขึ้นต้องอธิบายอย่างไร พวกเราเข้าใจตรงกับซินเธียหรือเปล่า เป็นคำถาม ที่ทำให้พวกเราต้องนอนดึกกันอีกรอบ พี่จิ๊บก็รับหน้าที่เรื่องนี้ไปนำเสนอ

วันที่ 2 ช่วงเปิดงานสุดยอดเลย มีผู้สื่อข่าวหลายสื่อ มีระดับรัฐมนตรีมาร่วมงานและกล่าวสุนทรพจน์ด้วย ประเทศเขาให้ความสำคัญมากและแสดงความชัดเจนในเรื่องนี้ในระดับนานาชาติ

หลังจากนั้นการควบคุมเวลาไม่ดีเลย แถมมีโปรแกรมผีแทรกมาอีก ไม่เป็นที่พอใจของเจ้าของเงิน และเจ้าภาพ เวลาที่ควรจะเป็นหลังเบรคเช้าต้องเลื่อนเป็นบ่าย นาวีนจะไม่ยอมให้หยุด แต่ก็จะเที่ยงแล้วนะ ก็เลยหลุดก่อน แล้วมาต่อ การเสนอวันนี้จะมีบางส่วนที่ซ้ำกันแต่จะเน้นส่วนที่จะนำมาทำข้อเสนอนโยบายตามที่แต่ละประเทศมีโดดเด่น

จบท้ายด้วยการสรุปของคนบริหารโครงการ เป็นครั้งแรกที่เห็นการทำงานแบบนี้ ก็ทึ่งเหมือนกันที่เขาสรุปงานที่แต่ละประเทศทำออกมาได้น่าสนใจ ที่สำคัญทำงานได้เร็วน่าเอาเป็นแบบอย่าง แต่ที่ไม่ดีคือไม่เข้าใจความต้องการของเจ้าของทุน และการประสานงานระหว่างทีมผู้บริหารโครงการและผู้ดำเนินงานในแต่ละประเทศเพื่อให้ได้ข้อมูลตรงตามเวลา พวกเราก็เลยมีการบ้านอีกหลังจากกล้บบ้านเรา ทั้ง ๆ ที่เราก็ได้พยายามทำงานในส่วนนี้แล้ว เหมือนทำงานไม่เสร็จสักที...ขอระบายหน่อย

จบงานก็ฉลองด้วยงานเลี้ยงที่ภัตราคารขนาดใหญ่มาก การจัดร้านก็กว้างขวาง รับแขกได้มาก มีอาหารให้เลือกมากมาย โต๊ะจำนวนมาก จัดเป็นชุ้มอาหารให้ไปเลือกกินกันตามชอบ และไม่อั้น บ้านเรามีหรือเปล่านะ...แต่เครื่องดื่มจะสั่งต่างหาก งานนี้ก็อิ่มไปตาม ๆ กัน

ประทับใจโรงแรมฮานอยนี้มากเรื่องมีผลไม้ให้หยิบทานทุกวัน ลิ้นจี่ที่นี่อร่อยมาก เนื้อหนา แถมราคาไม่แพง 1 เหรียญ ชื้อได้ 3 กิโล เป็นบ้านเราหน่อยไม่ได้คงกินกันสนุกไปเลย อากาศที่นี้ดีสำหรับไม้ผลหลายชนิดโดยเฉพาะไม้ผลเมืองหนาว ผลไม้ที่โรงแรมนำมาบริการแขกก็มีลิ้นจี่ แอลเปิ้ล แพร พีช ผลไม้อร่อยมาก


มาฮานอยต้องแวะเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยเก่าแก่ซึ่งไม่ไกลจากที่พักนัก นั่งรถแท็กซี่ประมาณ 15 นาที รถแท็กซี่มีลายขนาดตั้งแต่รถเล็กจากหลายยี่ห้อ ขนาดใหญกว่าที่จุคนได้ 7 คน นั่ง 2 แถวหลัง และ 1 คนหน้า ค่ารถเก็บตามมิเตอร์ รถเล็กก็เริ่มที่ 10,000 เงินเวียดนาม รถคันใหญ่กว่าเริ่มที่ 12,000 อัตรา ก็แตกต่างกัน ขนาดเจ้าภาพยังใช้รถแท็กซี่รับส่งคณะจากสนามบินมาโรงแรมเลย ผิดกับบ้านเราที่มีรถตู้คันงาม ๆ ไว้คอยรับส่งแขก
บรรยากาศบนถนนที่ดูวุ่นวายมาก

อากาศที่นี่ร้อนมาก ร้อนแบบเหงื่อเป็นน้ำเลยโดยเฉพาะเจ้าดา คนตัวใหญ่เหงื่อมากเหมือนอาบน้ำ ฝนตกทุกวันที่ไปอยู่ เวียดนามมีเรื่องราวเกี่ยวกับเต่าที่ดีจะเห็นได้ว่าแทบทุกที่จะมีเต่าให้เห็น รวมทั้งของที่ระลึกด้วยอาคารที่อยู่อาศัยในฮานอย เป็นที่สังเกตุว่ามีถังน้ำอยู่บนหลังคา