"Plagiarism เป็นรูปแบบหนึ่งของความไม่สุจริตทางวิชาการ (academic dishonesty) ในยุโรปสมัยโบราณนักวิชาการ (Scholar) มีความรอบรู้อย่างยอดเยี่ยมถ่ายทอดความคิดเป็นหนังสือ โดยการเขียนต้นฉบับด้วยลายมือของตนเอง รวมทั้งวิเคราะห์วิจารณ์งานเขียนของนักวิชาการอื่นๆ ได้อย่างอิสระ ในสมัยนั้นยังไม่มีการพิมพ์ ไม่มีการจัดหน้าหนังสืออย่างเป็นระบบ จึงไม่มีระบบมาตรฐานของการอ้างอิง (citation) "
ได้อ่านบทความเกี่ยวกับโจรกรรมทางวรรณกรรม ของคุณบุษบา มาตระกูลแล้วก็รู้สึกว่าต้องมองย้อนดูสักหน่อย และยอมรับว่ามีการกระทำเช่นนี้อยู่บ่อยๆ ให้เห็น แม้แต่การเผยแพร่งานทางเว็บก็มักจะมีผู้ที่ทำหน้าที่รวบรวมฐานข้อมูลโน่น นี่ นั้น มาคัดลอกเอาไปดื่้อ ๆ ขนาดมีจดหมายไปถ้วงติงก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง โดยเฉพาะการเกิดขึ้นกับหน่วยงานที่เรียกว่าผู้ให้ทุนวิจัย ซึ่งเขาน่าจะเป็นผู้คัดกรองงานเหล่านี้ มิใช่เลี่ยงว่าจ้างทำ ที่สำคัญน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดทำระบบฐานข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตและนำเสนอวิธีการที่ถูกจ้องในการอ้างอิง และนำผลงานผู้อื่นมาใช้ เนื่องผู้เป็นเจ้าของงานไปเห็นงานจากบุคคลที่3 อ้างอิงงานของผู้คัดลอกมิใช่เจ้าของงานตามเจตนาของจรรยาบรรณการเขียนวรรณกรรม
มีอีกหลาย ๆ กรณีที่พวกเราอาจละเลย เช่น
การคัดลอกงานของตนเอง
การส่งผลงานชิ้นเดียวกันไปพิมพ์ 2 แห่ง
การส่งงานเขียนที่มีผู้เขียนร่วมไปตีพิมพ์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนร่วม
การ download บทความจากอินเทอร์เน็ตมาใช้โดยไม่อ้างอิง
การนำสถิติ แผนภาพ รูปภาพ ของผู้/แหล่งอื่นมาใช้โดยไม่อ้างอิง