วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2555

การเผาไร่

ปลายเดือนที่แล้วเดินทางไปเก็บข้อมูลเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ต้องแปลกใจมากที่ในศูนย์ฯของหน่วยงานจุดไฟเผาแปลงมันสำปะหลัง ควันไฟพุ่งดำน่ากลัวมาก คล้ายกับการเผายาง เดินสำรวจดูปรากกว่ามีคนงานดูอยู่ ไตร่ถามก็ได้ความว่า จุดไฟเพื่อจะได้เก็บเกี่ยวง่ายเพราะหญ้ารก ...


ต้นมันสำปะหลังทั้งที่สามารถใช้เป็นท่อนพันธุ์ได้ก็ถูกไฟลวก แปลงข้างเคียงก็โดนเปลวไฟเผา

มีคำถามมากมายที่คนของราชการควรตอบให้ได้และยื่งเป็นหน่วยงานที่น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีทางการเกษตร กลับมาเผาไร่เสียเองน่าจะไม่ถูกต้อง และหากถามว่ามีวิธีการแก้ปัญหานั้น ๆ ไหม คำตอบก็น่าจะมีมากมายแต่เหตุใดจึงเลือก และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบกลับอนุญาตให้คนงานทำเช่นนั้นอีก มันสำปะหลัง หรือซากพืชใด ๆ ก็ตามเป็นที่สะสมอาหารมีธาตุอาหารพืชอยู่จำนวนมาก แต่ละฤดูปลูกเราจะเก็บเกี่ยวผลผลิตออกไปจากแปลงหากไม่เติมอะไรไปในดินบ้างก็จะทำให้ปลุกพืชรุ่นหลัง ๆ ผลผลิตลดลง แต่เกษตรกรบางท้องที่รู้จักที่จะบำรุงดิน นำปู๋ยคอกมาใส่นำขี้เถาจากโรงงานมาใส่ และไถกลบเศาซากมันสำปะหลังลงดินตากไว้ พอฝนลงก็ไถเตรียมปลูกได้แล้ว นอกจากจะสามารถรักษาระดับผลผลิตแล้วยังประหยัดเงินต่าปุ๋ยเคมีลงได้ จนบางรายไม่ต้องให้ปุ๋ยเคมีเลย

กลับมาก็ถามเพื่อน ๆ ที่อยู่ศูนย์เกี่ยวกับเรื่องการเผาไร่ ก็มีความเห็นว่าไม่ควรเผา ตัวอย่างหน่วยงานเขาจะเก็บเกี่ยวอ้อย คนรับจ้างตัดรายหนึ่งจะเผาก่อน - ก็ไม่เอา และก็สามารถหารายอื่นที่ไม่ต้องเผาไร่ก่อนเก็บเกี่ยวได้ ...ไม่เช่นนั้นจะเป็นตัวอย่างให้เกษตรกรได้อย่างไร จะแนะนำเกษตรกรได้อย่างไรหากหน่วยงานของรัฐเผาเสียเอง

ข้าว-อ้อย-การเผาปัจจุบันกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้วหรือ เราต้องการหาคนเก่งมาช่วยหน่อย จะมีเครื่องมือช่วยย่อยก่อนไถกลบ หรือเครื่องก็บเกี่ยวคุณภาพดีราคาประหยัด หรือส่งเสริมให้คนมารับจ้างตัดด้วยการไม่เผา และต้องมีรางวัลเช่นการไรคาที่ดีกว่าผลผลิตที่ผ่านการเผา เป็นต้น ระบบตลาดน่าจะช่วยได้มากหากโรงงานร่วมด้วยในการกำหนดราคาและให้ราคมที่เป็นความแตกต่างในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม

กลับบ้านพอดีวันหนึ่งเจอชาวบ้านชอบเผาขยะวันนั้นก็เผาอีก แต่คราวนี้รามจนควบคุมไม่ได้ ต้องพึ่งบริการรถดับเพลิง ชาวบ้านคนอื่นเขาก็เดือนร้อน ขยะตามบ้านเรือนก็มีรถเก็บขยะให้ หากมีที่มากพอก็ควรทำเป็นปุ๋ยหมักก็จะดี จึงอยากขอให้งดการเผาทุกชนิดทั้งในไร่นา และบ้านเรือน