วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เวียดนามกรกฎาคม 54

20 กค 54 เช้าเดินทาง กว่าจะถึงที่พักก็เที่ยง การเข้าประเทศนี้ไม่ต้องใช้เอกสารใด ๆ คนไทยไม่ต้องใช้วีซ่า ประหยัดทรัพยากรดีจังเลย แต่รอกระเป๋านานมาก จนคิดว่าไม่ได้เอามาเสียแล้ว
มีเวลาน้อยในการเตรียมตัวสำหรับการเดินทางครั้งนี้ ต้องเตรียมงานเอกสาร โปสเตอร์ และ presentation ไม่ค่อยมีเวลาหาข้อมูลอะไรมากเกี่ยวกับเวียดนาม รู้แต่ว่าเป็นคู่แข่งในการผลิตพืชผลเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะข้าว มาครั้งนี้ที่ฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม ทางโครงการเลือกเป็นที่ประชุมสรุปงานสำหรับทุกประเทศที่ร่วมงานกันมา คุณชินดี้ก็มาด้วย งานนี้เหมือนกับการประชุมหลายประเทศมากกว่าการประชุมผู้มีส่วนได้เสียของเวียดนาม ซึ่งต่างจากบ้านเราที่เราให้ความสำคัญกับคนของเรามากกว่า แต่ก็มีประธานร่วมอีก ทางเจ้าภาพเขาจัดให้มีบรรยากาศกันเองห้องประชุมไม่ใหญ่




บรรยากาศก่อนเรื่มประชุม วันแรกช่วงเช้าก็รายงานส่วนของเวียดนามก่อนเลย พอช่วงบ่ายก็ถึงคิวแต่ละประเทศ เราเสนอเองด้วยความเกร็งและกังวลเรื่องภาษา แต่ก็เน้นพูดช้า ๆ ชัด ๆ ทำสไลด์โปร่ง ๆ ไม่แน่นด้วยตัวหนังสือ ใช้เวลาประมาณ 12 นาทีก็เสร็จคนอินเดีย ศรีลังกายังชมว่าดีเลย คือ นำเสนอได้ครอบคลุมดี ตอนหลังจึงรู้ว่าเขาสนในงานวิเคราะห์VI ระดับครัวเรื่อน แต่ตัวเองก็ได้รับบทเรียนว่าต่อไปต้องหัดชื่นชมตัวเองบ้าง...และไม่ลืมว่างานที่เรานำเสนอนั้นเรารู้ดีที่สุด

วันแรกทางผู้บริหารโครงการก็สรุป และเน้นว่าแต่ละประเทศมีข้อดีอะไรบ้างที่น่านำมาอวดกัน ศรีลังกาได้รับการชื่นชมมากในการศึกษาทางด้านส้งคม ไทยเราก็มีควันหลงจากการประชุมที่รามาฯ การฟังเสียงจากรากหญ้ามีความสำคัญ และการศึกษาได้เรียนรู้อะไรบ้างจากชาวบ้าน ก็การเป็นเรื่องกดดันว่า วันรุ่งขึ้นต้องอธิบายอย่างไร พวกเราเข้าใจตรงกับซินเธียหรือเปล่า เป็นคำถาม ที่ทำให้พวกเราต้องนอนดึกกันอีกรอบ พี่จิ๊บก็รับหน้าที่เรื่องนี้ไปนำเสนอ

วันที่ 2 ช่วงเปิดงานสุดยอดเลย มีผู้สื่อข่าวหลายสื่อ มีระดับรัฐมนตรีมาร่วมงานและกล่าวสุนทรพจน์ด้วย ประเทศเขาให้ความสำคัญมากและแสดงความชัดเจนในเรื่องนี้ในระดับนานาชาติ

หลังจากนั้นการควบคุมเวลาไม่ดีเลย แถมมีโปรแกรมผีแทรกมาอีก ไม่เป็นที่พอใจของเจ้าของเงิน และเจ้าภาพ เวลาที่ควรจะเป็นหลังเบรคเช้าต้องเลื่อนเป็นบ่าย นาวีนจะไม่ยอมให้หยุด แต่ก็จะเที่ยงแล้วนะ ก็เลยหลุดก่อน แล้วมาต่อ การเสนอวันนี้จะมีบางส่วนที่ซ้ำกันแต่จะเน้นส่วนที่จะนำมาทำข้อเสนอนโยบายตามที่แต่ละประเทศมีโดดเด่น

จบท้ายด้วยการสรุปของคนบริหารโครงการ เป็นครั้งแรกที่เห็นการทำงานแบบนี้ ก็ทึ่งเหมือนกันที่เขาสรุปงานที่แต่ละประเทศทำออกมาได้น่าสนใจ ที่สำคัญทำงานได้เร็วน่าเอาเป็นแบบอย่าง แต่ที่ไม่ดีคือไม่เข้าใจความต้องการของเจ้าของทุน และการประสานงานระหว่างทีมผู้บริหารโครงการและผู้ดำเนินงานในแต่ละประเทศเพื่อให้ได้ข้อมูลตรงตามเวลา พวกเราก็เลยมีการบ้านอีกหลังจากกล้บบ้านเรา ทั้ง ๆ ที่เราก็ได้พยายามทำงานในส่วนนี้แล้ว เหมือนทำงานไม่เสร็จสักที...ขอระบายหน่อย

จบงานก็ฉลองด้วยงานเลี้ยงที่ภัตราคารขนาดใหญ่มาก การจัดร้านก็กว้างขวาง รับแขกได้มาก มีอาหารให้เลือกมากมาย โต๊ะจำนวนมาก จัดเป็นชุ้มอาหารให้ไปเลือกกินกันตามชอบ และไม่อั้น บ้านเรามีหรือเปล่านะ...แต่เครื่องดื่มจะสั่งต่างหาก งานนี้ก็อิ่มไปตาม ๆ กัน

ประทับใจโรงแรมฮานอยนี้มากเรื่องมีผลไม้ให้หยิบทานทุกวัน ลิ้นจี่ที่นี่อร่อยมาก เนื้อหนา แถมราคาไม่แพง 1 เหรียญ ชื้อได้ 3 กิโล เป็นบ้านเราหน่อยไม่ได้คงกินกันสนุกไปเลย อากาศที่นี้ดีสำหรับไม้ผลหลายชนิดโดยเฉพาะไม้ผลเมืองหนาว ผลไม้ที่โรงแรมนำมาบริการแขกก็มีลิ้นจี่ แอลเปิ้ล แพร พีช ผลไม้อร่อยมาก


มาฮานอยต้องแวะเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยเก่าแก่ซึ่งไม่ไกลจากที่พักนัก นั่งรถแท็กซี่ประมาณ 15 นาที รถแท็กซี่มีลายขนาดตั้งแต่รถเล็กจากหลายยี่ห้อ ขนาดใหญกว่าที่จุคนได้ 7 คน นั่ง 2 แถวหลัง และ 1 คนหน้า ค่ารถเก็บตามมิเตอร์ รถเล็กก็เริ่มที่ 10,000 เงินเวียดนาม รถคันใหญ่กว่าเริ่มที่ 12,000 อัตรา ก็แตกต่างกัน ขนาดเจ้าภาพยังใช้รถแท็กซี่รับส่งคณะจากสนามบินมาโรงแรมเลย ผิดกับบ้านเราที่มีรถตู้คันงาม ๆ ไว้คอยรับส่งแขก
บรรยากาศบนถนนที่ดูวุ่นวายมาก

อากาศที่นี่ร้อนมาก ร้อนแบบเหงื่อเป็นน้ำเลยโดยเฉพาะเจ้าดา คนตัวใหญ่เหงื่อมากเหมือนอาบน้ำ ฝนตกทุกวันที่ไปอยู่ เวียดนามมีเรื่องราวเกี่ยวกับเต่าที่ดีจะเห็นได้ว่าแทบทุกที่จะมีเต่าให้เห็น รวมทั้งของที่ระลึกด้วยอาคารที่อยู่อาศัยในฮานอย เป็นที่สังเกตุว่ามีถังน้ำอยู่บนหลังคา